วันที่ 11 มกราคม 2567 พลตำรวจตรีภาณุเดชณพัทลุง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้สั่งการให้พันตำรวจเอกปัญญาท้วมศรีผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองชุมพร พร้อมด้วยกำลังตำรวจร่วม 50 นาย พร้อมด้วยกำลังตำรวจร่วม 50 นาย นำตัวนายเจนณรงค์วงษ์สุวรรณ ผู้ต้องหาฆ่านายจิรศักดิ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลรับร่ออำเภอท่าแซะจังหวัดชุมพร เมื่อไปถึง พบว่ามีชาวบ้านร่วม 300 คน ได้มารอดูการทำแผน ชาวบ้านจำนวนมากได้ตะโกนด่าและสาปแช่ง พร้อมทั้งมีท่าทางจะเข้ากลุ่มประชาทัณฑ์ จนทำให้ตำรวจต้องรีบทำแผนเริ่มต้นจากการทะเลาะกันภายในบ้านที่เปิดเป็นร้านค้าประจำหมู่บ้าน ก่อนที่นายเจนณรงค์จะใช้สากกะเบือ หิน ทุบตีที่ หน้าผากของนายจิรศักดิ์จนล้มลง และทุบตีที่ใบหน้าอีกหลายครั้งหลังจากนั้น ได้นำโซ่ มามัดข้อมือให้หลังไว้ และ นำผ้านวมมาห่อพร้อมทั้งนำเสนอมาห่อก่อนที่ จะไป นำรถตู้ทึบมาบรรทุกศพนำไปทิ้งไว้ ที่บริเวณจุดที่พบศพห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 กิโลเมตร ในจังหวะนั้นชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งให้ความรักใคร่นายจิรศักดิ์เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นคนดีมีจิตใจโอบอ้อมอารีชอบช่วยเหลือชาวบ้านและ บริจาคเงินเพื่องานส่วนรวมอยู่ตลอดเวลา ได้มีท่าทีจะเข้ามารุมทำร้าย นายเจนณรงค์ ตำรวจจึงรีบนำตัวใน เจนณรงค์ออกจากจุดที่ทำแผนเพื่อเดินทางไปทำแผนยังบริเวณจุดที่ทิ้งศพต่อไป
ตำรวจสถานีตำรวจเมืองชุมพร ได้ตั้งข้อหา นายจิรศักดิ์วงษ์สุวรรณ ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้ายและซ่อนเร้นหรือย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และดำเนินคดีต่อไป พลตำรวจตรีภาณุเดชณพัทลุงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร กล่าวว่า สาเหตุการฆ่ากันในครั้งนี้น่าจะมาจากความหึงหวงหรือความไม่เข้าใจกัน ในหลายกรณี เนื่องจากคนทั้งสองมีความสนิทกัน แล้ว มีความ น้อยอกน้อยใจซึ่งกันและกัน นายเจนณรงค์ได้ใช้สากหินทุกปี จนนายจิรศักดิ์ถึงแก่ความตาย หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเก็บศพไว้ในบ้าน ประมาณ 2 วัน หลังจากนั้นศพเริ่มส่งกลิ่น จึงได้นำศพไปโยนทิ้งน้ำ แต่กลัวว่าศพจะลอยขึ้นมา จึงได้ไปนำศพ ไปโยนทิ้งในป่า แล้วหลบหนีไป กว่าตำรวจจะรู้ตัวคนตายก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง จากการสอบสวนทำให้รู้ว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าและอารมณ์อารมณ์ชั่ววูบ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 3 มกราคม 2567 และมาพบศพ ในวันที่ 7 ช่วงหัวค่ำ ชาวบ้านที่มามุงดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กล่าวว่ารู้สึกเสียใจกับการตายของนายต้นเนื่องจากเป็นคนดี มีน้ำใจชาวบ้านหลายหมู่บ้านในละแวกนี้มีความรักนายต้นอย่างมากถึงกับเสียน้ำตาและร้องไห้ออกมา โดยเฉพาะความทรงจำเกี่ยวกับความดี ของนายต้นไม่ว่าจะเป็นความมีน้ำใจ ในการให้ของขวัญหรือให้สิ่งของต่างๆแต่ผู้อื่นในทุกเทศกาลที่ผ่านมาอยู่ตลอดเวลา
ชาวบ้านอีกหลายคนกล่าวยืนยันว่านายต้นผู้ตายเป็นคนดีรู้จักทำมาหากินตั้งแต่อายุยังน้อย และร่วมกิจกรรมพร้อมช่วยเหลือกิจกรรมของหมู่บ้านอย่างมากมาตลอดเวลาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม อีกทั้งเป็นคนพูดจาสุภาพเรียบร้อยมีน้ำใจและมักมอบสิ่งของอาหารให้กับชาวบ้านผู้ยากไร้อยู่ตลอดเวลา รู้สึกเสียใจมากและอยากได้นายต้นกลับมากับเหตุการณ์ในครั้งนี้รู้สึกสยดสยองมากเนื่องจากไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในหมู่บ้านแม้แต่ครั้งเดียว กับคนผู้ก่อเหตุถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความเนรคุณมากเนื่องจากว่านายต้นได้ชุบเลี้ยงผู้ก่อเหตุมาทั้งซื้อรถยนต์ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ผู้ก่อเหตุได้ใช้ไม่น่าจะทำร้ายนายต้นจนถึงแก่ความตายขนาดนี้
ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514