ประจวบคีรีขันธ์ – ธรรมนัส ”สั่งด่วน” กำจัดสารบีที ทิ้งร้างนาน12 ปี

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ จ.ประจวบฯ เพื่อติดตามการนำเนินโครงการของหน่วยงานรัฐตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี หลังทราบปัญหาการรองทุกข์ของชาวบ้านในหลายพื้นที่ให้เร่งแก้ปัญหาภัยแล้งเนื่องจากจังหวัดประจวบฯกำลังประสบปัญหาขาดแคนน้ำทางการเกษตรและน้ำใช้สาธารณูปโภคในหลายพื้นที่ของจังหวัดประจวบฯ พร้อมเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ไขปัญหาการนำเข้าพืชผลทางการเกษตรและประมงในพื้นที่ด้านสิงขร ต.คลองวาฬ เพื่อร่วมกันหาแนวทางป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ก่อนจะสั่งการให้คณะกรรมการและคณะทำงานยุทธศาสตร์การเกษตรฯในพื้นที่ ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งในวันที่ 24 เม.ย.67 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯเป็นประทาน เพื่อหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันเพื่อให้การขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร และประมงได้มาตรฐานเป็นไปตามเงื่อนไขและกฎหมายระหว่างประเทศ ก่อนจะมีการประชุมร่วมรัฐบาลเตรียมความพร้อมในการเปิดด่านพรมแดนด่านสิงขร โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้มีความพร้อมในการเปิดด่านร่วมกัน

หลังการประชุม ร้อยเอก ธรรมนัส  ให้สัมภาษณ์หลังผู้สื่อข่าวสอบถามถึงปัญหาสารบีทีใช้กำจัดแมลงดำหนามในสวนมะพร้าวของชาวเกษตรกร  มูลค่า 32.8  ล้านบาท ที่เก็บไว้เป็นจำนวนมากในหอประชุมอำเภอเมืองฯรวมทั้งกองทิ้งไว้ในเมรุร้างใกล้โรงเรียน ที่วัดนาหูกวาง อ.ทับสะแก นาน 12 ปี จนหมดอายุการใช้งาน เป็นวัตถุอันตรายประเภท 2 นั้น หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้นายอำเภอเมืองประจวบฯตรวจสอบพร้อมให้ดำเนินการเร่งหาแนวทางการเคลื่อนย้ายนำไปกำจัดทิ้งโดยด่วน เนื่องจากเข้ามาบริหารราชการในรัฐบาลใหม่จึงไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน

สำหรับปัญหาเรื่องสารบีที เกิดขึ้นหลังจากเมื่อปีงบประมาณ 2555  มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินเพื่อจัดซื้อสารบีทีใช้กำจัดแมลงดำหนามเป็นจำนวนมาก โดยจังหวัดใช้เงินทดรองราชการจากการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดซื้อสารบีที และสารเคมีชนิดอื่น เพื่อแจกจ่ายให้เกษตรกร แต่กรมวิชาการเกษตรมีหนังสือแจ้งว่า  บริษัทคู่สัญญานำสินค้าที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร  ไม่ได้แจ้งเพื่อดำเนินการผลิต จึงไม่สามารถนำมาจำหน่ายกับทางราชการได้  จังหวัดจึงทำการแจ้งเวียนให้บริษัทคู่สัญญาทำการเคลื่อนย้ายสารบีที ออกจากสถานที่ของทางราชการตามเวลาที่กำหนด จะดำเนินการตามข้อกฎหมายนั้น ปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขดำเนินการเคลื่อนย้ายนำไปกำจัดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 12 ปี สารบีทีหมดอายุการใช้งานไปแล้วนั้น แต่ยังคงเก็บรักษาไว้ที่หอประชุมอำเภอเมืองฯ  ชาวบ้านหวั่นเกิดมลภาวะและมลพิษทางกลิ่นเนื่องจากสารดังกล่าวอยู่ในใจกลางเมืองฯ

นัครินทร์/รายงานข่าว (0628525246)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ