รอง ผบ.ตร เข้าช่วยเหยื่อถูกบังคับค้าประเวณีประเทศเมียนมา

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร) ร่วมกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี แถลงจับกุมขบวนการหลอกลวงผู้เสียหายเป็นน.ส.เอฯ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ไปค้าประเวณีประเทศเมียนมา จากกรณี นางปวีณาฯ ได้นำ น.ส.เอฯ ผู้เสียหาย อายุ 16 ปี พร้อมผู้ปกครองเข้าร้องเรียนตั้งแต่เมื่อ 1 กันยายน 2565 ถูกหลอกลวงให้เดินทางไปยังประเทศเมียนมา และถูกบังคับให้ค้าประเวณี ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือและพากลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยในเวลาต่อมา โดยขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่หลอกลวง น.ส.เอฯ ปรากฏว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร., ศพดส.ภ.จว.บุรีรัมย์ และ สภ.กระสัง จว.บุรีรัมย์ เร่งสืบสวนติดตามคดีนี้อย่างเร่งด่วน โดยได้ประสานความร่วมมือไปยังกองกำลังทหารประเทศเมียนมา เพื่อช่วยตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จนทราบว่า ขบวนการดังกล่าวได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ เริ่มต้นจากการหลอกลวงเหยื่อให้มีความต้องการเดินทางไปทำงาน นำพาลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา และถูกบังคับค้าประเวณีในที่สุด เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด 

จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย

1. น.ส.ณัฐฐิตาฯ หรือ ออม บุญญประภา อายุ 29 ปี ที่อยู่ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นคนหลอกลวงให้เหยื่อไปทำงานที่ประเทศเมียนมา โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าข้ามธรรมชาติ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จว.ตาก

2. นายอาหลู่ผะฯ หรือ ไวน์ เบียะสี อายุ 44 ปี ที่อยู่ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ สามีของ น.ส.ณัฐฐิตาฯ ทำหน้าที่เป็นคนนำพาเหยื่อลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา สามารถจับกุมได้ที่ ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.อิสาณ อ.เมือง จว.บุรีรัมย์ ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้น เต็มใจไปด้วย”, “ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย  หรือรับไว้ซึ่งเด็ก หรือซึ่งได้กระทำแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี”, “บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการนำภาระหนี้ของบุคคลอื่นส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด” และ “ชักจูง ส่งเสริมยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”

3. น.ส.สุพัฒตาฯ หรือ กิ่ง บุระเนตร อายุ 23 ปี ที่อยู่  ต.หัวนาคำ อ.ศรีธาตุ จว.อุดรธานี เป็นเจ้าของร้าน (KTV) ที่ประเทศเมียนมา บังคับเหยื่อค้าประเวณีโดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าข้ามธรรมชาติ ต.ท่า สายลวด อ.แม่สอด จว.ตาก  ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ซึ่งถูกพรากไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย”, “ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก หรือซึ่งได้กระทำแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี”, “บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงาน หรือให้บริการโดยวิธีการนำภาระหนี้ของบุคคลอื่นส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด” และ “ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า คดีนี้ น.ส.ณัฐฐิตาฯ หรือ ออม ผู้ต้องหา ได้ชักชวน น.ส.เอฯ ผ่านแอปพลิเคชัน Line  และ Facebook ให้ไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา โดยอ้างว่าจะได้เงินสัปดาห์ละ 50,000 บาท ทำประมาณ 2 เดือนจะมีเงินเก็บประมาณ 200,000 – 400,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จากนั้น น.ส.ณัฐฐิตาฯ ได้ให้ นายอาหลู่ผะฯ ซึ่งเป็นสามีพา น.ส.เอฯ ลักลอบข้ามชายแดนในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยใช้ช่องทางธรรมชาติและนำไปส่งให้กับ น.ส.สุพัฒตาฯ เจ้าของร้านอาหาร (KTV) หลังบ่อนการพนัน แจ็คดรากอนไนท์ จว.เมียวดี ประเทศเมียนมา โดย น.ส.สุพัฒตาฯ ได้บังคับให้ น.ส.เอฯ ขายบริการทางเพศ น.ส.เอฯ จึงได้ ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณา และได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กลับมายังประเทศไทยในที่สุด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากมูลนิธิปวีณา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ร่วมกับสหวิชาชีพในการสอบถามข้อมูลจากเหยื่อ และรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดในขบวนการดังกล่าว จนสามารถระบุตัวผู้ต้องหาได้ครบทั้งคนหลอกชักชวนเหยื่อ คนลักลอบพาข้ามแดน และเจ้าของร้านคนไทยในประเทศเมียนมาที่อยู่รับตัวเหยื่อปลายทาง โดยใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ในการสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลานของท่าน รวมทั้งให้ระมัดระวังในการหางานผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย โดย หากพบเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการหลอกลวงเหยื่อไปค้าประเวณี หรือค้ามนุษย์ สามารถแจ้งได้ทุกช่องทางของ ศพดส.ตร. หรือสายด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

Credit : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ