วันที่ 18 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาเอนกประสงค์บ้านด่านสิงขร หมู่ 6 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ารับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน หลังจากที่มีชาวบ้านกว่า 30 หลังคาเรือนที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ คัดค้านการก่อสร้างถนนขยายเขตทางหลวงเป็นถนน 4 เลนระยะทาง 1,200 เมตร (1.2 กม.) ของกรมทางหลวง ตั้งแต่ร้านอาหาร 3 ป.จนถึงโรงน้ำดื่มชม เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนและเป็นโครงการที่สร้างขึ้นแบบสายฟ้าแลบ ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทันและไม่มีค่าชดเชยเยียวยาให้กับชาวบ้าน


ด้านนางปราณี ศรีคำ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านอาหาร 3 ปอ และชาวที่ได้รับผลกระทบ ได้นำเอกสารการเสียภาษีกับ อบต.และเอกสารการถือครองที่ดินโฉนดนิคมพึ่งตนเอง(น.ค.) มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมพาผู้สื่อข่าวชี้แนวเขตที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างของตนเอง และได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้ปลูกบ้านพักและร้านอาหารอยู่หลังเสาไฟฟ้า ซึ่งเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนเอง ซึ่งบรรพบุรุษรุ่นพ่อรุ่นแม่ปู่ย่าตายายได้จับจองและอยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่นิคมพึ่งตนเองมานานมากตั้งแต่สมัยยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยเป็นทางเกวียนดินลูกรังแดงๆยังไม่ได้มีการประกาศเป็นเขตทางหลวงชนบท และตนเองก็ยืนยันว่าไม่รู้จริงๆว่าพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่รุกล้ำในพื้นที่ทางสาธารณะของทางหลวงชนบท เนื่องจากตนเองปลูกอยู่ด้านหลังเสาไฟฟ้า อีกทั้งโครงการก่อสร้างถนนได้มีกำหนดแบบสายฟ้าแลบแจ้งปุ๊ปจะสร้างปั๊บ ทำให้ตนเองตั้งตัวไม่ทัน เนื่องจากทางราชการไม่ได้จ่ายค่าเยียวยาให้ แถมไม่มีการทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านก่อนล่วงหน้า โดยให้ชาวบ้านรื้อสิ่งปลูกสร้างออกด้วยตัวเอง แถมขู่หากไม่รื้อจะใช้รถแบคโฮรื้อให้ ซึ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ตนเองได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ตอนสร้างเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วก็หมดเงินเป็นแสนบาท หากต้องรื้อในตอนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีและขายอาหารได้น้อย หากมีการชดเชยเยียวยาค่าเสียหาย หรือมีระยะเวลาให้กับชาวบ้านเหมือนเช่นโครงการใหญ่ที่จะขยายถนนและได้ทำประชาพิจารณ์ไว้กับชาวบ้านแล้วพร้อมจ่ายค่าชดเชยเยียวยาให้กับชาวบ้าน ชาวบ้านก็รับได้ โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทุกคนมองว่าเป็นโครงการที่ซ้ำซ้อนทำไมไม่รอสร้างโครงการใหญ่ทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ขอให้ยกเลิกโครงการสายฟ้าแลบนี้ออกไป ชาวบ้านรอโครงการใหญ่ทีเดียวเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนหากต้องรื้อร้านค้าออกก็เสียหายทั้งหลัง และไม่ได้รับการชดเชยเยียวยาใดๆ
นายสมชาย ปี่แก้ว นายก อบต. คลองวาฬ เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างขยายถนนดังกล่าวไม่ใช่โครงการที่ซ้ำซ้อนก่อสร้างโดยงบประมาณของ อบต.คลองวาฬ แต่อย่างใด แต่เป็นโครงการขยายเขตถนนของแขวงทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งได้รับการโอนถ่ายมาจากทางหลวงชนบท โดยจะมีการขยายถนนเป็น 4 เลนระยะทาง 1.2 กิโลเมตร หรือ 1,200 เมตร เริ่มตั้งแต่ร้านอาหาร 3 ป.ผ่านโรงเรียนด่านสิงขร ค่าย ตชด. 146 จนถึงโรงน้ำดื่มยี่ห้อชม ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ลดอุบัติเหตุ สร้างความสะดวกสบายให้กับชาวบ้านและนักเรียน เนื่องจากช่วงระยะก่อสร้างนี้ถนนมันคับแคบและที่ผ่านมาเคยเกิดอุบัติเหตุรถเหยียบนักเรียนจนแขนขาหักมาแล้ว และที่กรมทางก่อสร้างขยายถนนได้ทำในเขตพื้นที่ของกรมทางเอง โดยขยายจากเส้นเหลืองกลางถนนออกไปด้านละ 15 เมตร ไม่ได้ไปก่อสร้างลุกล้ำในเขตที่ดินของชาวบ้านแต่อย่างใด ซึ่งหากสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านมีการรุกล้ำมาในเขตที่ดินของทางหลวงก็จะต้องรื้อถอนออกไป และไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา แต่ถ้าหากมีการก่อสร้างถนนรุกล้ำในที่ดินของชาวบ้าน ทางหลวงจึงจะจ่ายค่าชดเชยเยียวยาให้ แต่โครงการนี้แขวงทางหลวงก่อสร้างในเขตของกรมทางเองด้านละ 15 เมตร หากชาวบ้านมีหลักฐานการครอบครองหรือโฉนดก็เอาออกมาแสดงยืนยันกับแขวงทางหลวงได้ หลวงไม่ได้คิดไปรังแกชาวบ้าน แต่อยากให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวไม่ซ้ำซ้อน และโครงการใหญ่ไม่รู้ว่างบประมาณจะมาเริ่มสร้างเมื่อไหร่ จึงอยากฝากชาวบ้านทางราชการเข้ามาสร้างความเจริญ ขอให้เล็งเห็นความเจริญของหมู่บ้าน และลูกหลานของเราในอนาคต และเวลาถนนสร้างเสร็จแล้วชาวบ้านจะเอาของมาขายริมถนน หลวงก็ไม่ได้ว่าอะไร
นัครินทร์/รายงานข่าว