วันที่ 8 สิงหาคม 2567 จากกรณีที่หนังสือมติรัฐ ได้นำเสนอเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ลงในเว็บไซต์ข่าวมติรัฐออนไลน์ www.matirathonline.com ที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนปัญหาการสร้างทางเท้าพร้อมท่อระบายน้ำ ณ ถนนเลียบคลองราษฎรสามัคคี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 67 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจึงดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าชื่นชมยิ่ง โดยเข้าตรวจสอบเอกสารและคำชี้แจงจากทางเทศบาลตำบลนาดี ก่อนลงพื้นที่ ณ จุดที่ได้รับการร้องเรียน จากการตรวจสอบและการชี้แจงของเทศบาล ผู้ร้องเรียนได้รับการแจ้งข้อเท็จจริงว่า คำร้องที่ผู้ร้องแจ้งความประสงค์ห้ามโครงการดังกล่าวบุกรุกที่ดินของตนเองที่ได้ยื่น ณ กองช่าง สำนักงานเทศบาลตำบลนาดี ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นั้นมีอยู่จริงแต่คำร้องดังกล่าวไม่ถูกดำเนินการตามขั้นตอนและส่งต่อไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาตามลำดับ (ผู้พิจารณาคำร้องลำดับแรกคือ”ผู้อำนวยการกองช่าง”) ตรงกับที่ผู้ร้องเรียนได้แจ้งว่านับตั้งแต่ยื่นคำร้องไปก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากเทศบาลฯ แม้โครงการจะสร้างเสร็จแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องบุกรุกที่ดินเอกชน ทางเทศบาลชี้แจงว่าไม่ได้บุกรุกที่ดิน เพราะได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการจึงระงับการก่อสร้างในพื้นที่ ที่มีการร้องเรียนไว้ก่อน ในเรื่องนี้ทางผู้ร้องเรียนได้ตอบโต้ทำนองว่า ”ทางเทศบาลไม่เคยมาชี้แจ้งหรือเรียกไปพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ขนาดคำร้องยังไม่ถูกส่งไปพิจารณาตามลำดับ รักษาการปลัดและนายกฯ ยังไม่รู้เรื่องคำร้องดังกล่าว แล้วจะมาอ้างเหตุว่ามีการร้องเรียนได้อย่างไร เอาหลักฐานอะไรมาใช้พิจารณาแม้แต่คำร้องยังไม่เคยเห็นเลย” ผู้ร้องยังตอบโต้อีกว่า […]
Category Archives: บทความ-สกู๊ป
เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 7 ,8 ,9 บริเวณถนนเลียบคลองราษฎร์สามัคคี ที่วันดีคืนร้าย เทศบาลตำบลนาดี ก็ผุด ”โครงการขยายไหล่ ค.ส.ล. พร้อมวางท่อระบายน้ำบริเวณถนนเลียบคลองราษฎร์สามัคคี หมู่ที่ 8 ,9 ตำบลนาดี อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร” มาดำเนินการสร้าง เจาะพื้นหน้าบ้านจนพังเละ ชุดเซาะรั้วบ้านจนทรุดพังให้เดือดร้อนกันโดยทั่วหน้า ชาวบ้านผู้ไดรับผลกระทบให้ข้อมูลว่าเริ่มแรก ก็มีคนงานมาพ่นสีขีดบริเวณหน้าบ้านอย่างไม่มีปีไม่มีขลุ่ย จึงสอบถามได้ความว่าจะมีการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านได้สอบถามไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้คำตอบประมาณว่า ”มีชาวบ้านร้องเรียนว่าน้ำท่วมบ้านจึงขอให้สร้างทางระบายน้ำ” ชาวบ้านต่างพากันตั้งข้อสงสัยเพราะเท่าที่ได้สอบถามกันละแวกบ้านก็ไม่มีใครไปร้องเรียนขอให้สร้าง รวมถึงไม่มีคนของเทศบาลมาสอบถามความต้องการ ซึ่งปกติเทศบาลจะต้องจัดประชุมประชาคมหมู่บ้านเป็นประจำทุกปี เพื่อทบทวนแผนพัฒนาท้องถิ่นและรับฟังความเห็นของชาวบ้าน (หมายถึงการประชาคมโดยให้ชาวบ้านในหมู่บ้านมาประชุมหารือกัน ไม่ใช่เชิญผู้นำท้องถิ่นไปรับทราบนโยบาย) หลังสถานการณ์โควิดเบาลง ผู้บริหารเทศบาลชุดปัจจุบันก็ไม่เคยประชาคมหมู่บ้านเลย จนถึงปัจจุบันทั้งที่ท้องถิ่นอื่นเขาก็กลับมาทำกันเป็นปกติ ชาวบ้านเห็นว่าการสร้างท่อระบายน้ำบริเวณริมถนนนั้นไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ซ้ำเติมชาวบ้านให้เข้าออกบ้านลำบากขึ้นเท่านั้น ขนาดสร้างเสร็จแล้วยังไม่ทำพื้นบริเวณหน้าบ้าน ของชาวบ้านให้ดีเลย บางบ้านก็เอาปูนหรือยางมะตอยมาเทเป็นทางลาดหน้าบ้านให้ บางบ้านก็มีเพียงหินคลุกมาเทไว้ตามยถากรรม บางบ้านไม่มีแม้แต่หินคลุกมาเทให้ก็มีให้ปรากฎ แล้วบางส่วนยังสร้างเพียงแค่ทางเท้า แถมสร้างผ่าโอบเสาไฟฟ้าแทนที่จะอ้อมออกมา แล้วจะให้ใช้เป็นทางเท้าอย่างไร ซ้ำยังสร้างท่อระบายน้ำสูงกว่าถนน ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นถึงกับงงว่าแล้วจะระบายน้ำยังไง แหล่งข่าวแจ้งว่าที่ทำแบบนั้นเพราะจะเทยางมะตอยยกพื้นถนนให้สูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านงงยิ่งกว่าเก่าเพราะปกติถนนเส้นนี้สร้างลาดเอียงไปทางคลองเพื่อระบายน้ำอยู่แล้ว ดังนั้นท่อระบายน้ำที่สร้างฝั่งตรงข้ามคลองจึงไม่มีผลอะไรในการระบายน้ำ มีแต่ทำให้ชาวบ้านต้องลำบากเพราะน้ำจะไหลจากถนนเข้าบ้านเป็นการสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ วิธีแก้คือต้องดูดน้ำลงท่อระบายน้ำหรือท่อลอดใต้ถนนลงคลอง ถ้าเป็นแบบนี้สู้สร้างท่อลอดใต้ถนนให้ชาวบ้านตั้งแต่แรกมันก็จบแล้วไม่ใช่หรือ สรุปแล้วสร้างเพื่ออะไรกันแน่ ปกติถนนเส้นนี้แคบอยู่แล้วก็ยิ่งจะแคบลงไปอีก […]
มีโอกาสก็มาร่วมกิจกรรม มาเอาบุญ ที่เรามานิมาเติบบุญ เติมบุญทาน เติบบุญศีล เติมบุญภาวนา บุญมันมีอยู่ทั้งหมด ๑๐ กระบวนท่าการทำบุญมี ๑๐ กระบวนท่า ๑ ให้ทาน เรียกว่า ทานมัย บุญเกิดขึ้นเพราะการให้ ให้วัตถุสิ่งของ ให้ของเครื่องใช้ให้ของอยู่ของกิน ให้ที่อยู่อาศัย ให้ยารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ความรู้ให้ข้อคิด หรือว่าให้สิ่งที่ดี ๆ ถือว่าเป็นบุญทั้งนั้นแหละ หรือเราพูดดี ๆ เดินดี ๆ คนเห็นก็พอใจเลื่อมใส ก็เป็นบุญนะ ถ้าเดินแบบนักเลง แม๊ะ….เห็นแล้วหมั่นไส้ไม่ได้บุญแหละ ถ้าเห็นแล้วดีใจสบายใจเขาเรียกว่าเราเป็นต้นตอทำให้เกิดบุญเขาเรียกว่าให้ความสบาย ความสุขใจ ๒ ศีล รักษากายวาจาไม่ให้ไปล่วงเกินคนอื่น สัตว์อื่นมีศีลเป็นปกติ สมาทานทุกวันศีล ตื่นขึ้นมาเช้า สมาทานศีล แผ่เมตตา วันนี้เราจะไม่เบียดเบียนใคร เราจะไม่ลักขโมยของใคร เราจะไม่นอกใจใคร เราจะไม่พูดคำหยาบคำสอเสียดคำเพ้อเจ้อไม่พูดคำเท็จวันนี้ตั้งใจจะไม่ดื่มสุรายาเสพติด เครื่องดองของเมา จะไม่สูบบุหรี่กัญชา จะไม่เคี้ยวกระท่อม ตั้งใจ พอตั้งใจแล้วทีนี้ก็เป็นศีลขึ้นมา ใบกระท่อมผิดศีลนะอย่าไปเคี้ยวนะ พระไปเคี้ยวไม่ได้นะ อย่าไปเคี้ยวพระ ไปเคี้ยวใบกระท่อมผิดศีลนะถือว่าเป็นของมึนเมาไม่อนุญาติ พระวินัย […]
จากข่าวสารในปัจจุบัน ประเด็นที่ดุเดือดเผ็ดร้อนมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ”ประเด็น สส.พรรคก้าวไกลล่วงละเมิดทางเพศ” จริงๆแล้วประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นใหม่เลย เพราะก่อนหน้านี้ก็มี สส. และคณะทำงานที่เป็นสมาชิกพรรคก็มีประเด็นเช่นนี้มาก่อน แต่ที่สังคมกำลังเดือดดาลคือการที่มันเกิดซ้ำซากซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้นับตั้งแต่เลือกตั้ง สส.แล้วเสร็จมา เอาเฉพาะ สส.ที่โดนคดีคุกคามทางเพศก็ประมาณ 6 เรื่อง มันเยอะจนแม้แต่ผู้สนับสนุน โดยเฉพาะเพศหญิงก็เริ่มจะรับไม่ได้เสียแล้ว และกระบวนการตรวจสอบทางวินัยที่ล่าช้าจนผู้เสียหายต้องไปร้องเรียนกับ สื่อมวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่อยู่ขั้วตรงข้ามพรรคก้าวไกลหรือที่รู้จักในนาม ”ฝ่ายสลิ่ม” แทนเพื่อไม่ให้เรื่องเงียบเอาง่ายๆ ถ้าฝ่ายสลิ่มไม่เอาประเด็นนี้มาโจมตีพรรคก้าวไกล ซึ่งก็ถือว่าเข้าทางคงไม่เป็นประเด็นใหญ่จนพรรคต้องออกมาตอบรับกระแสสังคมอย่างช่วยไม่ได้ เหมือนคนที่ร้อนรนแต่ถึงแม้ว่าจะมีผู้ร้องเรียนเป็นตัวเป็นตนและส่งหลักฐานให้กับทางคณะกรรมการของพรรคสอบ แต่คงใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าจะมีบทลงโทษออกมา แทบไม่ต่างจากการทำงานของระบบราชการช้างป่วยที่เคยเป็นวาทะกรรมขอวอดีตหัวหน้าพรรค ช้าจนไม่เหมือนคนรุ่นใหม่ทำงานตามที่มักจะบอกต่อสาธารณะว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ในขณะที่พรรคอื่นที่มีเรื่องราวคล้ายๆ กันเช่นกรณีของท”ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเรื่องฉาวโฉ่ทางเพศเมื่อปีก่อน ในตอนนั้นถึงแม้ปริญญ์ จะไม่ได้เป็น สส.แต่ก็เป็นถึงรองหัวหน้าพรรค ปริญญ์ก็ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคเพียงไม่กี่วันหลังโดนแฉ แม้ว่าในภาพภายนอกอาจจะดูเหมือนถูกกดดันจากกลุ่มสิทธิสตรี สีดาลุยไฟ กลุ่มการเมืองที่อ้างความเท่าเทียมและนักวิชาการต่างๆ ซึ่งหากใครติดตามการเมืองมาตลอดจะรู้ดีว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ใครทำเรื่องไม่ดีหรือก่อคดีร้ายแรงก็จะรีบลาออกจากตำแหน่งที่มี เพื่อไปจัดการปัญหาของตนเองโดยไม่ต้องรอใครมากดดันหรือด่าทอ ก็เป็นเรื่องแปลกว่าทำไมพรรคก้าวไกลถึงมักอ้างมาตรฐานสูงแบบเดียวกัน ทั้งที่ตลอดหลังเลือกตั้งเสร็จกระทั่งปัจจุบัน มี สส.ก่อคดีทางเพศแล้วหลายคน แต่มาตรฐานของพรรคทำได้แค่เพียงขับออกจากพรรคได้เพียงคนเดียว แถมยังเก็บติ่งร้ายให้คนด่าเล่น และให้ติ่งของพรรคแบกปัญหาและคอยแก้ต่างให้จนหลังแอ่นกันเลยทีเดียว และก็เป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่พรรคก้าวไกล มีคนก่อคดีทางเพศขนาดนี้แต่กลุ่มสิทธิสตรี สีดาลุยไฟ กลุ่มการเมืองที่อ้างความเท่าเทียมและนักวิชาการต่างๆ ไม่ยอมออกมาเคลื่อนไหวกดดันอะไรเลย เงียบอย่างกับเป่าสาก […]
ปัญหาสิ่งแวดล้อมในสมุทรสาคร ไม่ว่าจะเป็นน้ำในคลองเน่าเสีย โรงงานปล่อยกลิ่นเหม็น สร้างฝุ่นควันให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนในพื้นที่ ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานมากกว่า 10 ปี ไม่ว่ารัฐบาลส่วนกลางจะมีนโยบายมาแก้ไข ส่วนราชการดำเนินการตามหน้าที่ หรือแม้แต่ผู้คนในพื้นที่ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาก็ยังคงอยู่และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมเริ่มมีการพูดถึงอย่างเป็นทางการ คือ ช่วงปี พ.ศ. 2540 กว่า โดยมี ส.ส.ในพื้นที่ได้ตั้งกระทู้ถามสดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับปัญหาโรงงานปล่อยน้ำเสียจนน้ำในคลองเน่าเสีย ซึ่ง ส.ส. คนนั้น คือนาวาตรี สุธรรม ระหงษ์ แม้แต่ อดีต ส.ส.ครรชิต ทับสุวรรณ ก็เคยตั้งกระทู้ถามสดในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แม้แต่เมื่อไม่นานมานี้ อดีต ส.ส. ทองแดง เบญจะปัก พรรคก้าวไกล ในฐานะส.ส.ฝ่ายค้าน และ อดีต ส.ส. จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ต่างตั้งกระทู้ถามสดเกี่ยวกับปัญหาน้ำในคลองเน่าเสียในพื้นที่สมุทรสาครในสภาผู้แทนราษฎรด้วยเช่นกัน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ไขปัญหา แม้แต่ภาคเอกชนหรือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนก็ออกมาร้องเรียนสื่อและร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ตามที่เห็น ปัญหาก็ยังคงเดิมเหมือนที่พวกเรายังเห็นอยู่ในทุกวันนี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ขนาด ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลลงมาแก้ไขยังทำอะไรไม่ได้ […]
จากข่าวคราวในบ้านเมืองที่ผ่านมา นอกจากข่าวฉาวในวงการตำรวจทหาร พระสงฆ์องคเจ้าแล้ว ข่าวฉาวในแวดวงการการศึกษาก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นข่มขืนกระทำชำเรากระทำอนาจารนักเรียนนิสิตนักศึกษา การทะเลาะวิวาทระหว่างนักเรียนจนบาดเจ็บในโรงเรียนแต่ทางครูแก้ปัญหาแบบเหมือนไม่ใช้สมองคิดเพื่อปิดข่าว หรือที่พื้นฐานที่สุดคือการทุจริตเงินงบประมาณด้านการศึกษาโดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ซึ่งเราจะไม่กล่าวถึงในครั้งนี้ แต่ที่จะกล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องที่ความจริงแล้วถูกพูดมาบ้างเป็นครั้งคราวและเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นพัก ๆแล้วก็เงียบหายไป นั่นคือ”ปัญหาการกระทำทางเพศต่อครูสาว” ดังจะเห็นข่าวครูสาวที่เป็นภรรยาของผอ.เขตท่านหนึ่งกระโดดขึ้นหน้ารถของสามีเพื่อไม่ให้หนีไปไหนหลังจากถูกจับได้ว่ามีบ้านเล็กบ้านน้อย ซึ่งตามข่าวนั้นฝ่ายชายได้หนีหายหลบปัญหาเสียอย่างนั้น หรือผอ.โรงเรียนจะเนียนหลอกครูสาวเข้าโดยแรม ปัญหาเหล่านี้มามีนานแต่เพิ่งจะมีการระบุถึงโทษทางวินัยในเรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้ ถึงแม้จะมีบทลงโทษทางวินัยรุนแรงแค่ไหน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า”คุณเป็นคนของใคร”และ”กำความลับไว้แค่ไหน” ซึ่งก็สุดแล้วแต่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยที่จะจริงจังหรือปล่อยเบลอให้เงียบหายไปแล้วปล่อยให้ผู้เสียหายทุกข์ระทมต่อไป ทั้งแต่ไม่ได้หมายความว่ากฎระเบียบไม่เป็นธรรม มันเป็นธรรมแน่นอนในเชิง”นิตินัย” ในเชิงปฏิบัติหรือ”พฤตินัย” มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและปัจจัยต่าง ๆรวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะปัจจัยสองปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นที่มักจะทำให้ตราชั่งของดุลยพินิจเอนเอียงได้ แม้ว่าจะมีคนที่คุณธรรมสูงในระบบ ซึ่งขอชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรได้ โดยเฉพาะการปัญหาที่ได้กล่าวถึงข้างต้น ปัญหาการกระทำทางเพศต่อครูสาวนั้น เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมาพร้อมกับจิตสำนึกของมนุษย์เรา บุรุษเพศย่อมมีตัณหาโดยเฉพาะผู้มีอำนาจบางคนที่อาจจะมีมากกว่าคนอื่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่อยู่ในตำแหน่งที่”ชี้เป็นชี้ตายได้” เช่น บทบาทในการประเมินผลงานที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าทางวิชาชีพและเงินเดือนที่จะใช้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว บรรดาครูชั้นผู้น้อยต้องพินอบพิเทาต่อเหล่าครูชั้นผู้ใหญ่และผู้บริหารบางคนเพื่อให้ผลการประเมินออกมาดี ยิ่งเป็นครูผู้ช่วยบรรจุใหม่หรือครูที่ต้องการย้ายกลับไปยังภูมิลำเนาเดิมของตนเองยิ่งต้องการผลการประเมินที่ดี มิฉะนั้นสิ่งที่ฝันอาจไม่เป็นจริง การทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจไม่ว่าจะมากหรือน้อยย่อมส่งผลให้มีปัญหา อย่างเบา ๆก็อาจจะถูกผู้บริหารเชิญกรรมการที่ประเมินเข้ม ๆโหด ๆมาประเมิน อย่างหนัก ๆ ก็อาจโดยบังคับให้รับตำแหน่งงานที่มีภาระงานมาก เพื่อผิดพลาดก็ขยายความผิดให้รุนแรง หรือสร้างข้อมูลเท็จให้กรรมการประเมินได้รับข้อมูลผิด ๆ หรือร้ายแรงสุดโดนแช่แข็งคะแนนประเมินทุกครั้ง หาเรื่องตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง หรือบีบไม่ให้เพื่อนร่วมงานมาช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากจะเจอแบบนี้หรอก แล้วยิ่งครูสาวบางคนที่เป็นคนสวยเป็นคนงาม ก็อาจจะไปต้องตาต้องใจผู้มีอำนาจบางคนที่ยังตัณหาจัด […]
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ครอบครองสมบัติจักรแก้ว ๗ ประการเกิดขึ้นอันนี้เรียกว่าเป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิถ้าว่าตามการบริโภคก็เรียกว่า ทายาทบริโภค หรือสามีบริโภค บริโภคอย่างเป็นเจ้าของแท้จริงบริโภคตามลำดับของตระกูลมาจริง ๆที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้าจักรพรรดิ เมื่อสวรรคตแล้ว ๗ วันสิ่งเหล่านั้นจะหายไป สิ่งเหล่านั้นก็คือสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ จะหายไป ถ้าไม่มีทายาท ทายาทคือลูก ลูกคนโต ลูกชายคนโตนิจะเป็นผู้สืบทอดมรดกทีนี้ผู้สืบทอดมรดกนั้นก็ต้องประพฤติจักรวัตติวัตร ก็คือวัตตะ ข้อปฏิบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็คือต้องถือศีล ๕ โดยเคร่งครัดนี้อย่างหนึ่งถือศีลอุโบสถในวันพระ อันนี้อีกอย่างหนึ่ง ขาดไม่ได้ถ้าไม่ถือศีลอุโบสถในวันพระ ไม่ถือศีล ๕ โดยสมบูรณ์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิซึ่งเป็นสมบัติของพ่อ ที่ตกทอดมาถึงรุ่นลูกก็เกิดขึ้นไมไ่ด้เขาเรียกว่า จักรแก้ว ก็เกิดขึ้นไม่ได้ แก้วมณีก็ไม่เกิดขึ้น นางแก้วก็ไม่เกิดขึ้น ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากว่าไม่ถือวัตตะปฏิบัติดั่งที่ผู้เป็นพ่อ ก็คือผู้ที่สืบทอดมรดกมานั้นแหละถ้าไม่ปฏิบัติตามข้อวัตรอันนั้นสมบัติอันนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้สมบัติอันนั้นก็ไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นที่เราได้ฟังจากพระธรรมเทศนานิ พระเจ้าจักรพรรดิ จะเคลื่อนทัพไปที่ไหนก็ตามก็ไม่ได้ไปยึดครอง แต่ว่าไปสอน สอนให้พระราชา มหากษัตริย์ในแคว้นนั้น ๆได้ประพฤติตามธรรม เพราะพระเจ้าจักรพรรดิก็เคารพธรรมเคารพธรรมข้อที่๑ ไม่เบียดเบียน๒ ไม่ลักขโมยปล้นจี้ชกชิงวิ่งราว๓ ไม่ประพฤติผิดในกาม๔ ไม่โกหก๕ ไม่ดื่มสุรายาเสพติดนี้คือธรรม ธรรมที่พระเจ้าจักรพรรดิถือ พอถึงวันพระ พระเจ้าจักรพรรดิก็ถือศีลอุโบสถ […]
ไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายบุกคร่าชีวิตเด็กและผู้คนเกือบ 50 ชีวิต ที่จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นเรื่องที่น่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นใครย่อมรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวแม้แต่ผู้เขียนเอง ที่ได้ติดตามข่าวความน่าสลดใจดังกล่าวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าเสียใจไม่แพ้กันคือ “การเผยแพร่ข้อมูลโดยขาดความรับผิดชอบ” ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุใหม่ๆ ผู้เขียนได้รับข้อมูลเหตุการณ์หลังเกิดเหตุประมาณ 40 นาที ซึ่งเป็นโพสต์ข้อความทั่วไปในเฟสบุ๊ก แต่คอมเมนต์ของโพสต์ดังกล่าวได้มีผู้คนมาคอมเมนต์”ภาพผู้เสียชีวิตโดยไม่มีการปกปิดใด ๆ” ขอย้ำว่าไม่มีการปกปิดใด ๆ จากนั้นก็เริ่มมีการนำรูปดังกล่าวไปเผยแพร่ในช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย จนเกิดกระแสให้งดการเผยแพร่ภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรงดกระทำจริง ๆ ลองนึกภาพด้วยความคิดของตนเองดูสิครับ หากในภาพดังกล่าวเป็นคนที่เรารัก แล้วเราเห็นรูปเขาในสภาพที่ไม่ดีปรากฏในที่พื้นที่โซเชียลซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันก็ไม่ต่างจากการที่ถูกคนอื่นเอารูปดังกล่าวติดในพื้นที่สาธารณะรอบตัวเราให้เราได้เห็นทุกเวลา มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตาม ที่กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นกรณีของบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่รู้อะไร หากตักเตือนกันแล้วไม่กระทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ที่เป็นปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ “การปฏิบัติงานของสื่อมวลชน” ที่สื่อมวลชนบางสำนักรักษาความเสมอต้นเสมอปลายในการหาข่าวโดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรม ทั้งที่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งที่ผ่าน ๆมาก็เคยทำมาแล้ว และครั้งนี้ก็ยังทำเหมือนเช่นเคย มีทั้งการไปสัมภาษณ์ญาติผู้เสียชีวิตหรือพ่อแม่ที่เสียลูกในเหตุการณ์หรือผู้ที่รอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ว่ารู้สึกอย่างไรกับการสูญเสีย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะทำในช่วงเวลาที่โศกเศร้าเช่นนี้ สื่อมวลชนบางช่องก็ทำวิดีโอจำลองเหตุการณ์การคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ประชาชนดูในช่วงเวลาที่สลดหดหู่อีก แม้ที่ผ่านมากสื่อมวลชนมักจะบอกสังคมอยู่เสมอว่า พวกเราดูแลกันเองได้ แต่เท่าที่สังคมได้รับรู้ก็มีเพียงแถลงการณ์ขอโทษที่มันไม่ได้ช่วยอะไรกับรอรับบทลงโทษจากกสทช.ที่ไม่ได้กระทบกับรายได้ของสถานีเท่าไหร่นัก อีกนานแค่ไหนที่ปัญหาพวกนี้จะได้รับการแก้ไขเสียที สุดท้าย ขอฝากวิธีการดูแลจิตใจเมื่อทราบข่าวหรือเห็นความรุนแรงจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีแนวทางดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้แข็งแรงสดใสอยู่เสมอ จัตุราคม
ต้นโสน เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ตามพืชที่แหล่งน้ำ มีคุณสมบัติในการตรึงธาตุไนโตรเจนลงดินจากแบคทีเรียไรโซเบียมที่อยู่ในปมราก ซึ่งไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชที่ช่วยให้พืชมีใบเขียว แตกยอดดี และต้นสูง โดยปกติธาตุนี้จะอยู่ในอากาศเป็นก๊าซชนิดหนึ่ง ซึ่งพืชไม่อาจนำมาใช้ได้ จึงต้องผ่านกระบวนการตรีงลงสู่ดินด้วยแบคทีเรียเสียก่อนหรือถูกทำเป็นรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้เลย เช่น ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะเป็นรูปแบบไอออนที่พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการบำรุงดินแล้ว ในวัฒนธรรมการกินของไทยเรา ต้นโสนนั้นจะมีหนอนด้วงชนิดหนึ่งที่อาศัยในต้นโสน แล้วคนสมัยก่อนจะนำหนอนเหล่านั้นมาให้ดูดน้ำกะทิแล้วนำไปทำเป็นอาหาร ซึ่งจะมีรสชาติมันอร่อย นอกจากอาหารคาวแล้วยังมีอาหารหวาน โดยนำดอกโสนมาทำเป็นขนมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า”ขนมดอกโสน” ด้วยการนำดอกโสนมาคลุกกับแป้งข้าวจ้าวและมะพร้าวขูด จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก เมื่อสุกแล้วหากจะกินก็นำมาคลุกกับมะพร้าวขูดและน้ำตาล ส่วนอีกตำรับหนึ่ง จะนำดอกโสน น้ำตาลปี๊บและแป้งข้าวจ้าวผสมน้ำ กวนในกระทะจนเหนียวหวาน เมื่อจะกินก็จะปั้นลูกกลม ๆ แล้วคลุกด้วยมะพร้าวขูด แต่อาหารทั้งสองอย่างนี้กลายเป็นสิ่งที่หากินได้ยากในปัจจุบัน เรื่องด้วยการที่ต้นโสนเป็นพืชที่ขึ้นตามแหล่งน้ำ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นแหล่งที่ขึ้นของต้นโสนก็ถูกนำไปพัฒนาเป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ เพื่อความเจริญและความมั่งคั่งทางการเงินของผู้คนในสังคม แม้แต่แม่น้ำลำคลองที่สมัยก่อนเป็นเส้นทางในการสัญจร แหล่งน้ำดำรงชีพ พื้นที่หาสัตว์น้ำเพื่อดำรงชีพ และเป็นหนึ่งในแหล่งอาศัยของต้นโสนด้วยเช่นกัน ก็กลายเป็นที่ทิ้งน้ำเสียของทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือนต่างๆ ทำให้น้ำในแม่น้ำลำคลองเน่าเสีย สัตว์น้ำพืชน้ำล้มตาย หากรอดตายก็ไม่อาจนำมาบริโภคได้เพราะมีกลิ่นและรสชาติที่แย่ ซึ่งรวมถึงดอกโสนที่จะนำมาทำขนมด้วย หากไม่ได้เป็นดอกโสนที่ขึ้นในพื้นที่ที่สะอาด ก็จะไม่มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และทำให้มีกลิ่นเหม็นเขียว แม้จะไม่ได้ขึ้นในแหล่งน้ำเน่าเสียแต่อยู่ในพื้นที่ที่อากาศเป็นมลพิษจากเชม่าควันหรือสารเคมีต่าง ๆ ก็จะทำให้มีกลิ่นเหม็นเขียวเช่นกัน จะเห็นได้ว่าหากสิ่งแวดล้อมแย่ลง น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ ย่อมส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นสิ่งที่สร้างวัฒนธรรมการกินของผู้คนในสังคม หากเรายังไม่ใส่ใจกันอยู่เช่นนี้ […]
กระทิง (𝘉𝘰𝘴 𝘨𝘢𝘶𝘳𝘶𝘴) เป็นสัตว์กีบขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทั้งด้านการรักษาระบบนิเวศในพื้นที่และด้านการเป็นชนิดเหยื่อที่สำคัญของสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ (Karanth and Sunquist, 1995; Roininen et al., 2007; Sankar et al., 2013) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 สถานภาพกระทิงทั่วโลกมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Vulnerable) โดยมีจำนวนประชากรทั่วโลกประมาณ 13,000–30,000 ตัว และประชากรของกระทิงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย (Duckworth et al., 2016) ประเทศไทยในอดีตเคยพบกระทิงได้ทั่วไปในทั่วทุกภูมิภาค แต่ปัจจุบันพบอาศัยอยู่ในเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 59 แห่ง โดยกลุ่มป่าที่มีความเหมาะสมต่อการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกระทิงประกอบไปด้วย ● กลุ่มป่าตะวันตก ● กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ● กลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก ● กลุ่มป่าแก่งกระจาน ● กลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว และ ● กลุ่มป่าตะวันออก (Prayoon et al., 2021) ถึงแม้ว่าสถานภาพประชากรกระทิงมีแนวโน้มฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ แต่ประชากรของกระทิงในประเทศไทยยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายแห่งมีจำนวนประชากรกระทิงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า […]
- 1
- 2