ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาครได้ตรวจพบการระบาดของ”บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นจำนวนมากในหมู่เด็กประถมตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดยระบาดทั้งในหมู่เด็กนักเรียนไทยและเด็กนักเรียนพม่าที่ได้รับโอกาสเข้ามาเรียนด้วย เริ่มแรกนั้นคุณครูที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้พบว่ามีกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งได้พกบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาสูบในโรงเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มของนักเรียนไทยและพม่ารวมกันจำนวนประมาณ 5 คน แต่เมื่อทำการสอบถามจากเด็กกลุ่มนั้นแล้วกลับพบว่าจริงๆ แล้วมีนักเรียนที่ร่วมกับสูบแล้วอีกจำนวนมากราว 20 กว่าคน ซึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่ในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 หลังจากนั้นทางโรงเรียนจึงได้ดำเนินการเชิญผู้ปกครองและทำตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไปตามกฎหมาย
จากกรณีนี้ทำให้เห็นว่าภัยจากบุหรี่ไฟฟ้านั้นร้ายแรงเป็นอย่างมากและสามารถติดได้ง่ายด้วยเช่นกัน ขนาดเด็กประถมที่ควรจะอยู่ในการดูแลอบรมของผู้ปกครองและผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดยังกลายเป็นกลุ่มเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายดาย อาจจะเพราะด้วยความหลากหลายของกลิ่นและรสสัมผัสของน้ำยาที่ใช้สูบที่มีทั้งกลิ่นหอมหวานโดยเฉพาะกลิ่นและรสหอมหวานของผลไม้คล้ายกับขนมหวานที่เด็กชอบ จึงทำให้ติดได้ง่าย ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับเด็ก เพราะจากข้อมูลในปัจจุบันที่ปรากฏออกมา การสูบบุหรี่ไฟฟ้านอกจากทำให้เสพติดได้ง่ายแล้ว ยังเป็นการรับสารเคมีจากควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเข้าปอดโดยตรง ทำให้เกิดความเสียหายต่อปอดอย่างร้ายแรงและถาวรได้ ดังที่ปรากฏในข่าวของต่างประเทศที่มีเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจนปอดเสียหายอย่างร้ายแรงเกือบจะเสียชีวิต แล้วเราควรจะปล่อยให้เด็กๆในสังคมพวกเราต้องกลายเป็นแบบนี้อีกจำนวนมากกันหรือ
จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นเด็กเล็กทั้งชาวไทยและต่างชาติช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เด็กๆเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเลย หากปอดของเด็กๆต้องพังในตอนอายุน้อยๆอนาคตต่อไปจะต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมาย และกวดขันดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ลูกหลานของพวกเราต้องมาเจ็บป่วยเพราะของแบบนี้
ว่าที่ร.ต.เพชรายุทธ ทรงชุ่ม ผู้สื่อข่าวหนังสือมติรัฐประจำจังหวัดสมุทรสาคร รายงาน