วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านหลังเกิดเหตุดังกล่าว เป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ริมถนนลาดยางสายท่าหิน-เขาสวนทุเรียน ซึ่งเป็นชุมชนสองฝากถนนมีบ้านเรือนและร้านค้าอยู่จำนวนหลายหลัง ที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุยังมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่ซ่อมยังไม่เสร็จจอดอยู่ 1 คัน และได้พบกับ นายอนิรุฒ นาคสิงห์คราญ อายุ 28 ปี และ นางสาวพิมพ์ประไพ นกเกิด อายุ 27 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ

ขณะที่ นางสาวพิมพ์ประไพ นกเกิด ภรรยา และเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุ กล่าวว่าช่วงเกิดเหตุตนนั่งอยู่หน้าบ้านเห็นกำนันขับรถมาจอดที่ริมถนนหน้าบ้าน แล้วพากันเดินมา 2 คน มาพูดแบบไม่ดีแบบใส่อารมณ์ บอกว่ามีคนร้องเรียนห้ามไม่ให้สามีตนซ่อมรถเสียงดัง ชอบทำแบบนี่เป็นประจำ และบอกว่ากูมันมานานแล้ว ตนก็พูดกลบไปว่า ใครร้องเรียนจะบ้าหหรือว่าทำเป็นประจำเกือบทุกวัน ซึ่งไม่เป็นความจริง สามีตนนานๆ จะได้ซ่อมรถสักคัน เท่านั้นก็เป็นไปตามนคลิปเลย ซึ่งตนก็พูดดีๆ ส่วนคลิปนั้นตนใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปไว้ ตั้งแต่ตอนกำนันเดินเข้ามาที่บ้าน เพราะตนเห็นมาท่าทางไม่ดี จึงต้องถ่ายเก็บไว้ ซึ่งไม่มีการตัดต่อใดๆ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ปรากฎในคลิปซึ่งแม่ตนเป็นคนโพสต์ เพราะเห็นว่ากำนันทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งควรจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้
ด้าน นายฤทธิพร รัตนทอง อายุ 30 ปี ชายเสื้อขาวที่เข้าห้ามกำนันขณะชักปืนออกมาข่มขู่ บอกว่าตอนเกิดเหตุตนมานั่งคุยกับเพื่อนและกำลังกิจขนมจีนอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งตนรู้จักว่าเขาเป็นกำนัน ตนก็นั่งฟังเฉยๆ แต่เมื่อเห็นกำนันชักปืนออกมาข่มขู่ ตนจึงเข้าไปห้ามเพื่อให้กำนันใจเย็นลง แต่กำนันก็ไม่ยอมแต่ยังพลักอกตนให้ออกไปอย่างมายุ่ง ซึ่งตนมองว่ากำนันควรเข้ามาพูดกันดีๆ ไม่ใช่ทำเกินกว่าเห็นแบบนี้
ต่อมาได้มี พนักงานสอบสวน สภ.สวี เดินทางมาถ่ายเก็บหลักฐานที่บ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อใช้ประกอบสำนวนการดำเนินคดี พร้อมกับนัดผู้เสียหายเพื่อไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีแล้วเดินทางกลับ เบื้องต้นได้รับแจ้งความในข้อหา ใช้อาวุธปืนข่มขู่ และหากมีองค์ประกอบความผิดอื่น ผู้เสียหายสามารถแจ้งความเพิ่มภายหลังได้
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ทำการกำนันตำบลท่าหิน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพบว่ามีชาวบ้านและเพื่อนๆมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกันจำนวนหลายคน โดย นายนิรัตน์ ผุดเพชรแก้ว อายุ 58 ปี กำนันตำบลท่าหิน กล่าวว่าปัญหานี้ตนได้รับเรื่องร้องเรียนมานานแล้ว ทั้งร้องเรียนเป็นหนังสือและด้วยวาจา ว่าที่บ้านหลังดังกล่าวซ่อมรถเสียงดัง และมีการมั่วสุมกันเป็นประจำ จนชาวบ้านในชุมชนเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยโทรศัพท์ไปบอกพ่อของฝ่ายหญิงซึ่งเป็นเจ้าของบ้านแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น
จนมาวันเกิดเหตุตนได้ไปนั่งดื่มกาแฟที่บ้านเพื่อน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมา 50 เมตร ได้ยินเสียงเบิ้ลรถจักรยานยนต์คันที่ซ่อมหลายครั้งดังแรงมาก และชาวบ้านก็ร้องเรียนมา ตนจึงขับรถไปกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปห้ามปราบและให้หยุดซ่อมรถเสียงดังในช่วงเวลากลางคืน เพราะชาวบ้านรำคาญไม่ได้หลับนอน
กำนันตำบลท่าหินกล่าวต่อว่า ระหว่างเข้าไปบอกปรากฏว่าฝ่าย นาย อนิรุฒ ที่กำลังซ่อมรถพูดจาไม่ดีลักษณะหัวหมอ และมีเพื่อนๆซึ่งเป็นผู้ชายอยู่กันหลายคน อีกทั้งเป็นคนมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเพิ่งจะพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 1 เดือน ตนเห็นท่าไม่ดี จึงชักปืนออกมาเพื่อป้องปรามและข่มขู่ไว้ป้องกันตัว และตนก็เป็นคนตรงไปตรงมาพูดจาในลักษณะนี้อยู่แล้ว ชาวบ้านรู้ดี และตนอยากให้ไปถามชาวบ้านดูว่าพฤติกรรมของของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างไร ส่วนเรื่องแจ้งความก็ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย ตนถือว่าเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามร้องเรียนในฐานะฝ่ายปกครอง เรื่องอาวุธปืนตนก็มีทะเบียนถูกต้อง ไม่มีปัญหาอะไร
ด้านนายวิทยา บุญเอื้อ อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านที่กำนันไปนั่งดื่มกาแฟ กล่าวว่าบ้านตนกํบบ้านหลังเกิดเหตุอยู่ห่างกันไม่ถึงร้องเมตร ช่วงเกิดเหตุกำนันและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมานั่งดื่มกาแฟที่บ้านตน และได้ยินเสียงเบิ้ลรถดังมากและมีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามา กำนันจึงไปตรวจสอบซึ่งก็ปรากฎตามคลิปที่เห็น ที่ผ่านมาชาวบ้านทนพฤติกรรมเบิ้ลรถเสียงดังมานานแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทยา ได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดคืนเกิดเหตุที่บันทึกเสียงเบิ้ลรถเสียงดังมามอบให้ผู้สื่อข่าวเป็นหลักฐานได้ฟังกับหูด้วย ซึ่งก็มีเสียงเบิ้ลดังอยู่หลายครั้ง ลักษณะเหมือนเครื่องติดๆดับๆ ก่อนที่ชาวบ้านจะร้องเรียนและกำนันก็ได้ไปตรวจสอบ จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
เอกชนะ นวนละมัย ข่าวภูมิภาคจ.ชุมพร 098-9515199