สมุทรปราการ – รมว.ยุติธรรม นำฤกษ์วันต่อต้านยาเสพติดโลก ส่งยาเสพติดล็อตใหญ่สู่เตาเผา ตอกย้ำผลงานรัฐบาล “แพทองธาร” 4 ครั้ง กวาดล้างทะลุกว่า 100 ตัน

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ซึ่งตรงกับ วันต่อต้านยาเสพติดโลก สำนักงาน ป.ป.ส. นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีทำลายยาเสพติดของกลาง ครั้งที่ 4 ภายใต้รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วย นายยู่สิน จินตภากร และ นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม

นายสุรไกร นวลศิริ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรสมุทรปราการ ผู้แทนจากกรมโรงงานอุสาหกรรม อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ และนิคมอุตสาหกรรมบางปู พร้อมด้วยเหล่าศิลปินและครีเอเตอร์ชื่อดัง อาทิ เก่ง ธชย ประทุมวรรณ, นาราภัทร งดงาม หรือ หมอแจ๊ค และ เพจ DOM ร่วมเป็นสักขีพยานในการทำลายยาเสพติดของกลางครั้งนี้ ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและจริงจัง

การทำลายยาเสพติดของกลางในวันนี้ ถือเป็น ครั้งที่ 4 ภายใต้รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประกอบด้วยของกลางจาก 85 คดี ยาเสพติดของกลางรวมสิ่งห่อหุ้ม น้ำหนักรวมกว่า 28.64 ตัน (น้ำหนักสุทธิยาเสพติด ของกลาง 24.39 ตัน) ประกอบด้วย 1.ยาบ้า น้ำหนัก 11,272 กิโลกรัม หรือ ประมาณ 123 ล้านเม็ด / 2.เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนัก 12,280 กิโลกรัม / 3.เฮโรอีน น้ำหนัก 117.65 กิโลกรัม / 4.ยาเสพติดประเภทอื่นๆ เช่น คีตามีน, โคคาอีน, เอ็มดีเอ็มเอ (ยาอี) และสารผสม (Happy Water)

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “การดำเนินการในวันนี้ เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นชัดเป็นรูปธรรมและเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก การเผาทำลายยาเสพติดครั้งนี้ รัฐบาลต้องการการประกาศจุดยืนของประเทศไทยต่อประชาคมโลกว่าเรามุ่งมั่น ที่จะขจัดภัยยาเสพติดให้หมดสิ้นไป เพื่อร่วมสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยจากยาเสพติด”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าอีกว่า ส่วนเรื่องกัญชามันมี 2 ส่วน ส่วนที่มีการนำเสนอเป็นกฎหมายเพื่อที่จะควบคุม และโดยเฉพาะกฎหมายโดยพรรคประชาชาติ เราไปนิยามว่ากัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่แต่ใช้ได้เฉพาะการแพทย์เท่านั้น พรรคเพื่อไทย ก็เสนอไปแล้ว แต่กฎหมายของรัฐบาลเดิมอยู่ระหว่างกำลังปรับร่างอยู่ ซึ่งปกติกฎหมายลักษณะนี้ต้องเป็นกฎหมายรัฐบาล เราหวังว่าตอนเปิดสภาก็จะมีกฎหมายที่ร่วมกันดูเพื่อให้เห็นว่าวันนี้หลายส่วนที่เสนอ เนื่องจากกัญชาในเวทีโลกเป็นยาเสพติดหมด อาจจะมีบางประเทศเล็กๆ แต่ว่าเขาก็มีการควบคุมที่เข้ม ซึ่งพอไทยเราอยู่ในเวทีโลก แล้วพอกัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติด เราก็พบว่ามีอุปสรรคกับการท่องเที่ยว ประเทศต่าง ๆ ก็ไม่อยากให้คนเข้ามาเที่ยว เพราะว่ากลัวจะมาเสพกัญชา มาใช้กัญชา เพราะเขาถือเป็นยาเสพติด รวมถึงเราจะหวังผลเรื่องเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจมันเป็นเศรษฐกิจที่ต้องขายในประเทศ เพราะโลกเขาไม่ยอมรับกัญชา แต่เราเห็นด้วยกับการเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์ หรือบ้างร่างก็เป็นกัญชาเพื่อการศึกษาวิจัย ในระหว่างที่กฎหมายไม่ออก ท่านรัฐมนตรี สมศักดิ์ ก็ได้ประกาศกระทรวงสาธารณะสุขที่ออกมาเพื่อจะควบคุมกัญชาเพื่อให้ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งตอนนี้ตัวเลขกลม ๆ มีร้านที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายและแปลรูปกัญชา 17,906 ราย ต่อไปถ้าใครจะมาซื้อมาจำหน่าย ต้องมีใบสั่งทางด้านการแพทย์มา ไม่ได้ขายเสรีแล้ว เมื่อก่อนจะห้ามเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี หญิงท้อง แต่อันนี้ต้องมีหลักฐานทางการแพทย์ และวันนี้เราพบว่าในจำนวนผู้จดทะเบียนกัญชามีจดทะเบียนขอส่งออกอยู่ 708 ราย มีเพื่อการศึกษาวิจัยอยู่ 37 ราย ซึ่งประกาศฉบับนี้เป็นประกาศเบื้องต้น เนื่องจากว่าขณะนี้ พอเราไปพบชาวบ้าน ชาวบ้านได้เรียกร้องให้เอากัญชาและกระท่อมกลับมาควบคุมอย่างเข้มข้น และเอามาสู่เรื่องยาเสพติด ประเด็นปัญหาสำคัญขณะนี้คือ ในจำนวน 17,906 ราย ที่เราอนุญาตไป ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าเมื่อรัฐอนุญาตเราจะเยียวยาดูแลเขาอย่างไร เนื่องจากว่ามาตรการที่ออกใหม่ คนที่จะไปซื้อจะต้องมีใบสั่งซื้อทางการแพทย์ ซึ่งประกาศนี้มีบางท่านบอกว่ามันจะเหมือนกับสมัยรัฐมนตรีสาธารณะสุขคนก่อนนู้น ในรัฐบาลยุคที่ท่านประยุทธ์ เป็นนายก แต่ปรากฏว่าส่วนที่ต่างกันก็คือ เอาไปใช้เพื่อการแพทย์ พอร้านเขาได้รับอนุญาตแล้วจะใช้เพื่อสันทนาการไม่ได้แล้ว ต้องใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น แล้วเรายังมีเป็นห่วงคือประกาศฉบับนี้ยังไม่ควบคุมถึงการปลูก การปลูกก็ยังปลูกได้เสรียังไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งประกาศฉบับนี้เป็นประกาศระยะเปลี่ยนผ่าน ไปรอเปิดสภา ก็จะมีการผลักดันกฎหมายกัญชา ซึ่งก็เข้าไปหลายร่างแล้ว กฎหมายก็จะต้องเร่งออก โดยหลักการปรัชญาของฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องแยกสิ่งดีกับสิ่งไม่ดี คือไม่จำเป็นต้องให้เกิด ถ้าอะไรที่จะเป็นสิ่งไม่ดีกับสังคม ฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องรีบออกกฎหมายมาเพื่อป้องกันสังคม หน้าที่การป้องกันสังคม ดังนั้นในกฎหมาย เรื่องพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง ที่เสนอเข้าไป ก็น่าจะเป็นกฎหมายที่เร่งด่วนฉบับหนึ่ง ก่อนหน้าจะมีการอนุญาต จากการตรวจไม่พบร้านจำหน่ายกัญชาแต่อย่างใดถึงมีก็ผิดกฎหมาย แต่พอหลังจากมีการอนุญาต ก็มีอยู่ 17,906 ราย แต่ว่าเมื่อก่อนก็อาจจะมีการโฆษณาว่าจะสร้างเศรษฐกิจรายได้ประเทศเยอะ พอหลังจากเกิดมาแล้ว เศรษฐกิจก็ไม่เกิด ก็อาจจะมีเฉพาะบางคนบางพวก นอกจากไม่เกิดแล้วในสหภาพยุโรป หลายประเทศรวมทั้งอังกฤษ มาเรียกร้องมาประชุมกับสำนักงาน ป.ป.ส. กับกระทรวงยุติธรรม ทำหนังสือมาถึงรัฐบาลว่าประเทศไทยกลับเป็นประเทศจำหน่ายยาเสพติดไปยุโรป ก็ทำให้ภาพลักษณ์เราในเวทีโลก แม้แต่เรามีความเข้มแข็งในเรื่องการป้องกันปราบปราม การสกัดกั้น การแก้ปัญหายาเสพติด เราก็เป็นจุดหนึ่งที่สังคมกังวลใจเรื่องกัญชา ขณะนี้ร้านที่เปิดจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการ จะไม่สามารถจำหน่ายได้ แต่ร้านยังเปิดได้ตามปกติ เพราะเราได้รับอนุญาตไปแล้ว จะต้องขายให้กับคนที่มีใบสั่งแพทย์ ใบสั่งยาเท่านั้น ส่วนเรื่องหมอประจำร้านซึ่งไม่มี ตัวเจ้าของเองก็ต้องพัฒนาตัวเอง แต่ถ้ายังคงจะจำหน่ายอยู่ก็ถือว่ามีความผิดโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท ตามมาตร 78 ส่วนหลังจากนี้กัญชาต้องบอกว่าตอนนี้มีหลายร่าง บางร่างเอาเป็นยาเสพติด บางร่างเป็นพืชควบคุม ใช้เฉพาะการแพทย์ ก็เหมือนประกาศฉบับนี้ แต่ว่าจะไม่ควบคุมไปถึงการปลูก ซึ่งถ้าเราปล่อยให้ปลูกได้ ประเทศไทยจำหน่ายทางการแพทย์ ถ้าจำหน่ายไม่ได้เดี๋ยวจะมีการลักลอบเอากัญชาที่ปลูกส่งไปต่างประเทศ ก็ทำให้ภาพลักษณ์หรือเวทีของเราในสถานะของการแก้ปัญหายาเสพติดถูกประเทศต่าง ๆ ห่วงใย ปัจจุบันที่ทางเจ้าของร้านออกมาโวยเรื่องการดำเนินการทางธุรกิจเนื่องจากนำเงินมาลงทุน เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นอาชญากร เพราะเขาได้ยื่นอนุญาตตามที่กฎหมายต้องการ ซึ่งในระหว่างนี้ก็จะมีช่องที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประกาศ สมุนไพรอันนี้ก็ต้องมาคุยกับทางกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเราหนีไม่พ้น อย่าไปตำหนิรัฐบาลต้องเยียวยา ทั่วโลกก็บอกว่ากฎหมายนี้เกิดเพราะการเมือง การเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (ปีงบประมาณ 2567-2568) ของสำนักงาน ป.ป.ส. ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้ทำลายยาเสพติดไปแล้ว รวม 4 ครั้ง จาก 442 คดี คิดเป็นยาเสพติดของกลางรวมสิ่งห่อหุ้มถึง 109.48 ตัน (น้ำหนักสุทธิยาเสพติดของกลาง 92.44 ตัน) เป็นยาบ้า กว่า 540 ล้านเม็ด ไอซ์ 36.98 ตัน เฮโรอีน 1.36 ตัน และยาเสพติดประเภทอื่นๆ เช่น คีตามีน , โคคาอีน , เอ็มดีเอ็มเอ (ยาอี) และสารผสม (Happy Water) โดยกระบวนการทำลายยาเสพติดทั้งหมด อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และหน่วยงานตำรวจทหารในพื้นที่ เพื่อรับประกันความโปร่งใส ถูกต้องครบถ้วน โดยยาเสพติดทั้งหมดจะถูกเผาด้วยเทคโนโลยีเตาเผาอุณหภูมิสูงกว่า 1,200 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถทำลายฤทธิ์ยาเสพติดได้อย่างสมบูรณ์และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สำนักงาน ป.ป.ส. ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง โดยการทำลายยาเสพติดครั้งต่อไป (ครั้งที่ 5) มีกำหนดการในราวเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชนว่า ยาเสพติดที่จับกุมได้จะถูกจัดการอย่างเด็ดขาดและเป็นรูปธรรม ไม่มีโอกาสเล็ดลอดกลับไปทำลายอนาคตของลูกหลานหรือสังคมไทยอีกต่อไป

 

เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ