บ้านหรือ ค่ายผู้อพยพหนองจาน หรือ ศูนย์พักพิงหนองจาน (Nong Chan Refugee Camp) หรือไทยจะรู้จักกันในชื่อ แคมป์ 511. พื้นที่ตรงนี้ในอดีตเคยเป็นค่ายผู้อพยพขนาดใหญ่ลำดับแรกๆ เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2522 ที่มีการจัดตั้งและการบริหารจัดการ ค่ายผู้อพยพอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง ได้แก่ โนนหมากมุ่น และหนองเสม็ด ไว้รองรับชาวกัมพูชา (เขมรอพยพ) หนีการอดตายและการรุกรานของกองกำลังเวียดนามที่เข้ารุกรานกัมพูชาธิปไตย (ซึ่งเป็นชื่อประเทศในขณะนั้น ) โดยราวๆ เดือนสิงหาคม ปี 2522 ค่ายผู้อพยพหนองจานมีผู้อพยพอยู่ประมาณ 13,000 กว่าคน เหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงมากเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับค่ายผู้อพยพหนองจาน คือ Land bridge เป็นเส้นทางการขนส่งอาหาร บ้านหนองจาน ที่นี่นอกจากเป็นแหล่งที่ตั้งของค่ายผู้อพยพแล้วยังเป็นแหล่งแจกจ่ายอาหารและเมล็ดพันธุ์ข้าวให้แก่เขมรอพยพด้วย


โดยในปี 2523 องค์กรบรรเทาทุกข์และ CARE ได้จัดส่งเมล็ดพันธุ์ข้าว อุปกรณ์ทำนาและอุปกรณ์หาปลามาให้ชาวเขมรอพยพ ทำให้ผู้อพยพเริ่มทำนาและหาปลาในพื้นที่ดังกล่าว ในเดือนเมษายนปีนั้น ผู้อพยพได้รับอาหาร เมล็ดพันธุ๋และอุปกรณ์ทั้งสิ้น 340,000 รายที่บ้านหนองจานแห่งนี้ยืนยันได้ชัดๆว่า “บ้านหนองจาน – และสระน้ำยูเอ็น” ซึ่งเป็นบริเวณสระน้ำใหญ่ท้ายหมู่บ้านที่ซึ่งทาง UN เป็นผู้ขุดเจาะแหล่งน้ำสำหรับกินใช้ดำรงชีพแก่ชาวเขมรอพยพ ทั้งหมดนั้นเป็นพื้นที่ของประเทศไทย และอยู่บนดินแดนประเทศไทย
เขมรยึดบ้านหนองจานเป็นของตัวเองหลังยุค “น้าชาติ” (พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ) เมื่อปลายปี พ.ศ. 2522 กลุ่มเขมรเสรีซึ่งมีอิทธิพลมาแต่เดิมเข้าสอดแทรกบ้านหนองจานมีกำลังประมาณ 100 นาย เข้าปล้นคนไทยในพื้นที่หลายครั้ง กระทั่ง พันเอกประจักษ์ สว่างจิตร ได้ยกกำลังทหารไทยเข้าโอบล้อมปิดหมู่บ้าน ขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ แคมป์ 511 ต่อมาวันที่ 23 มิถุนายน 2523 กองกำลังทหารเวียดนาม ได้บุกเข้าโจมตีบ้านหนองจานและโนนหมากมุ่น บังคับให้ผู้อพยพกลับไปยังกัมพูชาและฆ่า – ทำร้ายผู้ต่อต้าน กระทั่ง ปี พ.ศ.2523 ทหารไทยได้เข้ายึดพื้นที่คืน และได้ขับไล่ทหารกองกำลังเวียดนาม และเขมรเสรี หรือ พวกเขมรแดงที่เหลือ โดยปะทะผลักดันให้ออกไปนอกพื้นที่ประเทศไทย ในช่วงระหว่างปี 2523 – 2527 ทหารกองกำลังเวียดนาม และเขมรแดงบางส่วน ได้เข้าบุกโจมตีค่ายผู้อพยพแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเมื่อราวเดือนพฤศจิกายน เมื่อปี พ.ศ. 2529
ต่อมาภายหลังเมื่อเหตุการณ์ผ่อนคลายลง ผู้อพยพเขมรส่วนหนึ่งได้ย้ายไปยังอ่างศิลา (ไซต์ 3) ซึ่งอยู่ตอนใต้ของบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว บางส่วนถูกส่งไปยังค่ายเขาอีด่าง ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว และค่ายสระแก้ว 2 ในปี 2531 และเมื่อทุกอย่างเริ่มดีขึ้นเขมรอพยพหลายคนได้มีชีวิตใหม่ในประเทศโลกที่ 3 หลายคนเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนาถิ่นเดิมตนเอง แต่มีเขมรอพยพหลายคนยังคงอยู่ไม่ยอมขยับกลับออกไป
ในขณะนั้นทิศทางของไทยสมัยรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ มีการเปลี่ยนแปลงผ่านนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ภายหลังรัฐบาลกัมพูชาที่มีความเข้มแข็งขึ้นได้ถือโอกาสยึดเอาแนวรั้วที่ไทยสร้างไว้เป็นแนวเขตแดน พื้นที่บ้านหนองจาน จึงกลายมาเป็นเขตความครอบครองของชาวกัมพูชาที่อพยพเข้ามาในตอนนั้น และยึดเอาเป็นที่ของตนไป
ประวัติศาสตร์บอกความเป็นมาของปัจจุบัน และประวัติศาสตร์ที่ว่านี้ก็มีระยะเวลาที่ไม่ได้ไกลจากปัจจุบันมากนัก บุคคลที่เขาอยู่ในตอนนั้น ที่เคยช่วยเหลือพวกเขมรอพยพพวกนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่หลายท่าน ความช่วยเหลือเจือจุนของไทย ที่เคยให้แหล่งที่พักพิง เคยให้ข้าวน้ำอาหาร การศึกษา หมอพยาบาลเลี้ยงดูสำหรับผู้อพยพชาวเขมรกัมพูชา จากการหนีร้อนมาพึ่งเราในคราวนั้น หลายปีที่คนไทยที่เคยเหยียบแผ่นดินตัวเองกลับถูกจับกุมและต้องถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในประเทศของผู้อพยพ บัดนี้ยังต้องถูกเขมรชี้หน้าด่าด้อยค่าว่าเป็นผู้ที่บุกรุกเค้า (ทั้งๆที่นี่คือแผ่นดินของไทยเอง) การเป็นผู้อพยพในตอนนั้นด้วยความน่าสงสารกลับมาทำร้ายคนที่เคยให้การช่วยเหลือ จากผู้อพยพหนีออกจากประเทศตัวเองมายึดครองที่ดินของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยเหลือใช่ไหม