จากข่าวคราวในบ้านเมืองที่ผ่านมา นอกจากข่าวฉาวในวงการตำรวจทหาร พระสงฆ์องคเจ้าแล้ว ข่าวฉาวในแวดวงการการศึกษาก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นข่มขืนกระทำชำเรากระทำอนาจารนักเรียนนิสิตนักศึกษา การทะเลาะวิวาทระหว่างนักเรียนจนบาดเจ็บในโรงเรียนแต่ทางครูแก้ปัญหาแบบเหมือนไม่ใช้สมองคิดเพื่อปิดข่าว หรือที่พื้นฐานที่สุดคือการทุจริตเงินงบประมาณด้านการศึกษาโดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ซึ่งเราจะไม่กล่าวถึงในครั้งนี้ แต่ที่จะกล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องที่ความจริงแล้วถูกพูดมาบ้างเป็นครั้งคราวและเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นพัก ๆแล้วก็เงียบหายไป นั่นคือ”ปัญหาการกระทำทางเพศต่อครูสาว”
ดังจะเห็นข่าวครูสาวที่เป็นภรรยาของผอ.เขตท่านหนึ่งกระโดดขึ้นหน้ารถของสามีเพื่อไม่ให้หนีไปไหนหลังจากถูกจับได้ว่ามีบ้านเล็กบ้านน้อย ซึ่งตามข่าวนั้นฝ่ายชายได้หนีหายหลบปัญหาเสียอย่างนั้น หรือผอ.โรงเรียนจะเนียนหลอกครูสาวเข้าโดยแรม ปัญหาเหล่านี้มามีนานแต่เพิ่งจะมีการระบุถึงโทษทางวินัยในเรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้ ถึงแม้จะมีบทลงโทษทางวินัยรุนแรงแค่ไหน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า”คุณเป็นคนของใคร”และ”กำความลับไว้แค่ไหน” ซึ่งก็สุดแล้วแต่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยที่จะจริงจังหรือปล่อยเบลอให้เงียบหายไปแล้วปล่อยให้ผู้เสียหายทุกข์ระทมต่อไป ทั้งแต่ไม่ได้หมายความว่ากฎระเบียบไม่เป็นธรรม มันเป็นธรรมแน่นอนในเชิง”นิตินัย” ในเชิงปฏิบัติหรือ”พฤตินัย” มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและปัจจัยต่าง ๆรวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะปัจจัยสองปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นที่มักจะทำให้ตราชั่งของดุลยพินิจเอนเอียงได้ แม้ว่าจะมีคนที่คุณธรรมสูงในระบบ ซึ่งขอชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรได้ โดยเฉพาะการปัญหาที่ได้กล่าวถึงข้างต้น
ปัญหาการกระทำทางเพศต่อครูสาวนั้น เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมาพร้อมกับจิตสำนึกของมนุษย์เรา บุรุษเพศย่อมมีตัณหาโดยเฉพาะผู้มีอำนาจบางคนที่อาจจะมีมากกว่าคนอื่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่อยู่ในตำแหน่งที่”ชี้เป็นชี้ตายได้” เช่น บทบาทในการประเมินผลงานที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าทางวิชาชีพและเงินเดือนที่จะใช้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว บรรดาครูชั้นผู้น้อยต้องพินอบพิเทาต่อเหล่าครูชั้นผู้ใหญ่และผู้บริหารบางคนเพื่อให้ผลการประเมินออกมาดี ยิ่งเป็นครูผู้ช่วยบรรจุใหม่หรือครูที่ต้องการย้ายกลับไปยังภูมิลำเนาเดิมของตนเองยิ่งต้องการผลการประเมินที่ดี มิฉะนั้นสิ่งที่ฝันอาจไม่เป็นจริง การทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจไม่ว่าจะมากหรือน้อยย่อมส่งผลให้มีปัญหา อย่างเบา ๆก็อาจจะถูกผู้บริหารเชิญกรรมการที่ประเมินเข้ม ๆโหด ๆมาประเมิน อย่างหนัก ๆ ก็อาจโดยบังคับให้รับตำแหน่งงานที่มีภาระงานมาก เพื่อผิดพลาดก็ขยายความผิดให้รุนแรง หรือสร้างข้อมูลเท็จให้กรรมการประเมินได้รับข้อมูลผิด ๆ หรือร้ายแรงสุดโดนแช่แข็งคะแนนประเมินทุกครั้ง หาเรื่องตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง หรือบีบไม่ให้เพื่อนร่วมงานมาช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากจะเจอแบบนี้หรอก แล้วยิ่งครูสาวบางคนที่เป็นคนสวยเป็นคนงาม ก็อาจจะไปต้องตาต้องใจผู้มีอำนาจบางคนที่ยังตัณหาจัด คนพวกนี้พอถูกใจก็มักจะใช้อำนาจในมือบีบคั้นให้เหยื่อยินยอม อาจจะมีเบา ๆตั้งแต่พูดไพเราะเสนาะหูกับเขา จนบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ก็มี แม้ว่าครูสาวจะมีแฟนหรือสามีอยู่แล้วก็ตาม พวกนี้ก็ไม่สนใจ เพราะตัวพวกเขาบางคนก็มีเมียมีลูกอยู่แล้วก็ยังทำเรื่องพวกนี้อยู่ นี่เป็นเพียงกรณีครูสาวที่เป็นข้าราชการแล้วเท่านั้น หากเป็นกรณีที่ครูสาวเหล่านั้น”ไม่ใช่ข้าราชการ” ไม่ว่าจะเป็นพนักงานราชการ ครูอัตราจ้าง หรือพนักงานจ้างเหมาตามภารกิจ ย่อมเป็นกลุ่มที่”ไม่สามารถต่อกรกับผู้มีอำนาจได้” เพราะครูสาวเหล่านี้ต้องมีการ”ต่อสัญญาจ้าง” ซึ่งจะต้องมีการ”ประเมินผลงานเพื่อต่อสัญญาจ้าง” หลาย ๆท่านคงจะพอนึกภาพออกแล้วว่า ถ้าครูสาวเหล่านั้นไม่ทำตามผู้มีอำนาจย่อมถูกเลิกจ้างหรือให้ออกจากงานการอย่างง่ายดาย ต่างจากครูสาวที่เป็นข้าราชการที่การจะไล่ออกหรือการบีบคั้นให้ออกจะต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอนตามระเบียบราชการหรือจะต้องทำหนังสือลาออกด้วยตนเอง
มีกรณีตัวอย่างที่ได้ข้อมูลมาจึงจะยกมาเล่าให้ฟัง ณ สถานศึกษาแห่งหนึ่งแถวจังหวัดติดกรุงเทพฯ ไม่ขอบอกว่าเป็นสถานศึกษาสังกัดสพฐ.หรืออาชีวศึกษา มีครูสาวคนหนึ่งได้ทำงานในฐานะครูอัตราจ้าง แล้วครูบ้ากามคนหนึ่ง วิทยฐานะไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการ มีเมียมีลูกสาวที่อายุน่าจะพอ ๆกับครูสาวคนดังกล่าว ได้เกิดจิตปฏิพัทธ์เสน่หาเสมือนหนึ่งว่าพบรักครั้งแรกเมื่อวัยแรกแย้มเมื่อพบกับครูสาวคนนั้น แต่ครูสาวไม่ได้สนใจครูบ้ากามคนนั้นเลย เพราะอายุรุ่นราวคราวพ่อตัวเอง จึงเคารพในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง แทนที่ครูบ้ากามคนนั้นจะทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่ กลับทำตัวเป็น”สมภารกินไก่วัด” พยายามใช้อำนาจที่ตนเองมีจากตำแหน่งที่แทบจะเทียบเท่ารองผู้อำนวยการสถานศึกษาและในฐานะผู้บังคับบัญชาสายตรง ค่อย ๆเข้าหาเพื่อใกล้ชิดครูสาวพร้อมกับอำนาจบีบคั้นทางอ้อมให้ครูสาว”ต้องทำตามที่ตนเองการ” มีการใช้ลูกล่อลูกชนด้วยการซื้อของมาค่ามากมอบเป็นกำนัลใจ เพื่อให้ผูกพันเสมือนหนึ่งเป็นบ่วงผูกมัด ครูสาวก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนรับเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดภัยแก่ตนเอง แล้วพยายามป้องกันตัวเองไม่ให้ถูก”ล่วงละเมิดทางเพศ” แต่ครูบ้ากามก็พยายามอย่างยิ่งที่จะ”เคลม”เอาครูสาวเป็นเมียน้อยให้ได้ ครูสาวก็พยายามหลีกเลี่ยงและอดทนเรื่อยมาจนสามารถสอบ”ครูผู้ช่วยต่างสังกัด”ได้ จึงทำให้สามารถหนีครูบ้ากามคนนี้พ้น เพราะไม่อาจใช้เส้นสายบารมีตามรังควาญคุกคามข้ามสังกัดของตนได้ แต่ก็ยังพยายามแสดงความรักต้องห้ามของตนเองต่อครูสาวอย่างมั่นคงผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างน่าสมเพช แทนที่จะเอาความรักเหล่านี้มอบให้กับลูกที่น่าสงสารและเมียที่ถูกสวมเขาของตนที่รออยู่ที่บ้าน
นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่จบด้วยการที่ครูสาวโชคดีหนีครูบ้ากามพ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าครูสาวคนอื่น ๆจะโชคดีเช่นนี้ ยังมีครูสาวอีกจำนวนมากที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศทั้งทางตรงและทางอ้อม เธอเหล่านั้นยังเป็นวัตถุทางเพศของเหล่าบุรุษผู้มีอำนาจโดยไม่อาจจะขอความช่วยเหลือจากใครได้ ไม่สิ… ต้องเรียกว่า”พูดไม่ได้”มากกว่า เพราะถ้าพูดก็จะกลายเป็นการเนรคุณ เพราะถ้าพูดก็จะมีข้าราชการคนอื่นโดนหางเลขจาก”การทุจริตอื่น ๆ”ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจจากการที่ถูกบีบบังคับให้ต้องร่วมขบวนการ เพราะถ้าพูดตนเองก็จะอับอายจากเรื่องนี้ เพราะถ้าพูดครอบครัวจะถูกครหานินทาว่าร้าย และอื่น ๆอีกมากมาย จึงขอเขียนบทความและวาดภาพประกอบบทความเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความหวังแก่มอบผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขมขื่นเหล่านี้ด้วยเทอญ
บทความและภาพประกอบ โดย จัตุราคม
ข้อมูล โดย เครือข่ายข้อมูลของนักขายข่าวในตำนาน