วันที่ 8 สิงหาคม 2567 จากกรณีที่หนังสือมติรัฐ ได้นำเสนอเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ลงในเว็บไซต์ข่าวมติรัฐออนไลน์ www.matirathonline.com ที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนปัญหาการสร้างทางเท้าพร้อมท่อระบายน้ำ ณ ถนนเลียบคลองราษฎรสามัคคี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 67 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจึงดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าชื่นชมยิ่ง โดยเข้าตรวจสอบเอกสารและคำชี้แจงจากทางเทศบาลตำบลนาดี ก่อนลงพื้นที่ ณ จุดที่ได้รับการร้องเรียน
จากการตรวจสอบและการชี้แจงของเทศบาล ผู้ร้องเรียนได้รับการแจ้งข้อเท็จจริงว่า คำร้องที่ผู้ร้องแจ้งความประสงค์ห้ามโครงการดังกล่าวบุกรุกที่ดินของตนเองที่ได้ยื่น ณ กองช่าง สำนักงานเทศบาลตำบลนาดี ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นั้นมีอยู่จริงแต่คำร้องดังกล่าวไม่ถูกดำเนินการตามขั้นตอนและส่งต่อไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาตามลำดับ (ผู้พิจารณาคำร้องลำดับแรกคือ”ผู้อำนวยการกองช่าง”) ตรงกับที่ผู้ร้องเรียนได้แจ้งว่านับตั้งแต่ยื่นคำร้องไปก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากเทศบาลฯ แม้โครงการจะสร้างเสร็จแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องบุกรุกที่ดินเอกชน ทางเทศบาลชี้แจงว่าไม่ได้บุกรุกที่ดิน เพราะได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการจึงระงับการก่อสร้างในพื้นที่ ที่มีการร้องเรียนไว้ก่อน ในเรื่องนี้ทางผู้ร้องเรียนได้ตอบโต้ทำนองว่า ”ทางเทศบาลไม่เคยมาชี้แจ้งหรือเรียกไปพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ขนาดคำร้องยังไม่ถูกส่งไปพิจารณาตามลำดับ รักษาการปลัดและนายกฯ ยังไม่รู้เรื่องคำร้องดังกล่าว แล้วจะมาอ้างเหตุว่ามีการร้องเรียนได้อย่างไร เอาหลักฐานอะไรมาใช้พิจารณาแม้แต่คำร้องยังไม่เคยเห็นเลย” ผู้ร้องยังตอบโต้อีกว่า ”ได้ข่าวว่ามีการมองผู้ร้องว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ผู้ร้องไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองขั้วใดเลย เป็นเพียงประชาชนธรรมดาที่มีบ้านอยู่ในซอยนี้เท่านั้น แม้แต่ตอนเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เลือกนายกฯคนปัจจุบันด้วยซ้ำ แต่ทำไมไม่เคยมาดูแลประชาชน ผ่านมากี่เดือนแล้วตั้งแต่ไปยื่นคำร้อง ไม่เคยเห็นใครจากเทศบาลเข้ามาพูดคุยเลย”
ซึ่งผู้ร้องได้ชี้แจงว่า ที่ต้องตอบโต้รุนแรงแบบนี้เพราะไม่เคยมีเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่เกี่ยวของในเทศบาลมาลงมาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและได้รับความไม่สะดวกจากการติดต่อราชการที่กองช่างของเทศบาลหลายครั้งแล้ว นี่อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คำร้องถูกทิ้งไว้ไม่ถูกดำเนินการให้ถูกต้องก็ได้ และการที่จู่ๆ โครงการไม่ถูกสร้างมาถึงหน้าบ้านตนเองก็ทำให้ถูกชาวบ้านคนอื่นในซอยมองในแง่ลบเสมือนเป็นคนที่ขวางความเจริญ หรือเป็นอภิสิทธิ์ชน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ทั้งที่ตนเพียงปกป้องที่ดินของตนเองตามสิทธิที่พึงมี ไม่ได้ห้ามทางเทศบาลสร้างในบริเวณพื้นที่สาธารณะหน้าบ้านของตนเองสักหน่อย อีกอย่างชาวบ้านในซอยก็ร้องเรียนผ่านตนมาหลายคนว่าได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวแต่พูดไม่ได้เพราะแม้ว่าโครงการจะสร้างบริเวณหน้าบ้านของตนเองแต่ก็สร้างในบริเวณพื้นที่สาธารณะ ตอนนี้หน้าบ้านก็ไม่มีใครมาทำทางลาดเข้าบ้านให้ต้องทำกันเองใช้ชั่วคราวไปก่อน และกลัวว่าหากไปร้องเรียนอาจจะถูกมองว่าขัดขวางความเจริญได้ ซึ่งหลังจากเกิดการปะทะคารมขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้เข้ามาทำความเข้าใจและชี้แจงเพิ่มเติมว่าทางเทศบาลจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา โดยเรื่องทางลาดเข้าบ้านทางเทศบาลชี้แจงว่าทางเทศบาลจะหางบประมาณมาทำทางลาดให้กับชาวบ้าน ภายใต้ความงุนงงสงสัยของผู้ร้องที่คิดว่าทำไมเทศบาลไม่ให้ผู้รับเหมาทำให้ตั้งแต่โครงการยังสร้างไม่เสร็จ ทำไมจึงต้องตั้งงบประมาณมาทำใหม่อีกทำไม
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก็ได้ทำการพูดคุยชี้แจงผู้ร้องอีกหลายเรื่อง พร้อมเก็บหลักฐานเพิ่มเติมพร้อมกับรับปากจะดำเนินการให้ได้รับความเป็นธรรมโดยเร็ว ผู้ร้องรู้สึกพอใจและขอบคุณการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เป็นอย่างยิ่ง ที่ทำงานอย่างรวดเร็วจนทำให้รู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมา โดยระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นสื่อมวลชนในจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าสังเกตอย่างใกล้ชิด
เพชรายุทธ ทรงชุ่ม รายงาน
ขอบคุณภาพจากเพจเฟสบุ๊กของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรสาคร