หลายคนอาจจะเคยเห็นต้นไม้ที่มีรากเป็นตะปุ่มตะป่ำ เกาะอาศัยบนกิ่งไม้ใหญ่กันมาบ้าง หรือบางคนก็อาจจะพบเจอมันเกาะอยู่บนต้นมะม่วงในบ้านและอาจพบเห็นโดยง่ายตามไม้ยืนต้นทั่วไป ตามคติความเชื่อตำนานที่เล่าขานถึงต้นกาฝากนั้น จะถือว่ากาฝากเป็นวัตถุทนสิทธิ์ชนิดหนึ่ง คือมีอาถรรพ์หรือพลังงานในตัวเอง มีความขลังศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วโดยไม่ต้องปลุกเสก เฉกเช่นเดียวกับกะลาตาเดียว หรือ “คต” ชนิดต่าง ๆ สำหรับตำนานที่มาของกาฝากนั้น ตามสายความเชื่อหนึ่งเชื่อว่า กาฝากนั้นคือที่สถิตของเทวดาที่ทำผิดกฎของสวรรค์หรือชดใช้เศษกรรมบางอย่างตามบัญชาของสวรรค์ โดยให้มาเกิดในโลกมนุษย์ในฐานะเทพารักษ์ชนิดหนึ่งโดยสถิตบนกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ แทนที่จะสถิตในต้นไม้ใหญ่ จึงมาบังเกิดเป็นต้นกาฝากแทน และถือว่าต้นกาฝากนั้นคือวิมานของเทวดาเหล่านั้น
ที่มาของคุณวิเศษ ของกาฝากในฐานะของเครื่องรางของขลังนั้น คาดว่าอาจเกิดจากการที่คนโบราณสังเกตว่า กาฝากสามารถเกาะและดูดกินสารอาหารจากต้นไม้ใหญ่ได้ โดยที่ตัวมันเองเจริญเติบโตขึ้นแต่ต้นไม้ใหญ่กลับทำอะไรกับเจ้ากาฝากไม่ได้เลย จึงนำสิ่งที่สังเกตเห็นมาสร้างเป็นกลอุบายทางไสยศาสตร์ สร้างเป็นเครื่องรางของขลังด้านเสน่ห์เมตามหานิยม โภคทรัพย์ เสมือนกาฝากที่คอยเกาะเกี่ยว อิงแอบผู้หลักผู้ใหญ่ ขอความเมตตาเพื่อให้ตัวเองเจริญก้าวหน้าขึ้นโดยผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่อาจขัดขวางมีแต่มอบความเมตตาให้นั่นเอง
วิธีการนำกาฝากมาเป็นวัตถุมงคลนั้น ให้ตัดต้นกาฝากพร้อมกิ่งต้นไม้ที่มันเกาะอาศัยนำมาตากผึ่งลมให้แห้ง เตรียมทอง ผ้าสามสี สีผึ้งหรือน้ำมันจันทน์ พร้อมค่าครูนำไปหาครูอาจารย์ ผู้มีวิชาในการเสกสร้างของขลังจากกาฝาก ให้ลงอักขระเลขยันต์เพื่อบอกกล่าวเทวดาที่สถิตในต้นกาฝากให้รับรู้ ว่าเราคือเจ้าของต้องช่วยเหลือสร้างโชคลาภให้ จากนั้นปิดทองและผูกผ้าสามสีเป็นอันเสร็จพิธี บูชาด้วยธูป 9 ดอก และน้ำแดงเมื่อจะขอพร
สำหรับใครที่ต้องการทราบว่าแท้จริงแล้วกาฝากที่ตนเองได้มา มีสรรพคุณเด่นด้านอะไรกันแน่ อย่างแรกให้ดูว่ากาฝากที่นำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังนั้นเกิดบนต้นไม้อะไร สมมุติว่าเกิดบนต้นขนุน ก็จะตีความได้ว่ามีคุณเด่นด้านเมตตา มีคนใหญ่คนโตผู้หลักผู้ใหญ่คนเอ็นดูสนับสนุนผลักดันเหมือนกับคำว่า “ขนุน” นั่นเอง และต่อมาให้ดูว่ากาฝากนั้นเป็นกาฝากชนิดอะไร โดยดูที่ใบต้นกาฝากว่าใบเหมือนต้นไม้ชนิดใด สมมุติว่ากาฝากขนุนมีใบเหมือนต้นไทร ก็จะตีความได้ว่า นอกจากมีคุณด้านเมตตามีคนใหญ่คนโตผู้หลักผู้ใหญ่คนเอ็นดูสนับสนุนผลักดันเหมือนกับคำว่าขนุนแล้ว ยังอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากอันตรายทั้งปวงอีกด้วยนั่นเอง
บทความโดย ว่าที่ร้อยตรี เพชรายุทธ ทรงชุ่ม
ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์นานากาเด้น ดอทคอม