22 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่องค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ กลุ่มนักท้องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติพร้อมชาวบ้านพื้นที่ชายหาดสวนหลวง รวมตัวกันขึ้นสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งข้อสงสัย กรณีนายมาเทียส ชาวสวิดเซอร์แลนด์ ฝ่าฝืนคำสั่งนำฝูงสุนัขกลับมาเดินริมชายหาดได้อย่างไร หลังทราบว่า มีข้อตกลงกับทาง อบต.พงศ์ประศาสน์ โดยมีคำสั่งให้นำสุนัขฝูงดังกล่าวออกจากพื้นที่ อ.บางสะพาน เสียก่อน หลังถูกฟ้องคดีหมากัดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเมื่อเดือน สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา




ขณะที่ชาวบ้านบริเวณริมหาดสวนหลวง ถ่ายคลิปวีดีโอไว้ระหว่างที่นายมาเทียส (ผู้ถูกฟ้อง) เจ้าของสุนัขฝูงที่เคยกัดชาวต่างชาติ และชาวบ้านในพื้นที่ กำลังนำสุนัขเดินไปตามริมหาดโดยไม่มีเชือกปอกคอล่ามแม้แต่ตัวเดียว ระหว่างพาเดินเล่นบริเวณริมหาดอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากคลิปผู้ถ่ายยังอธิบายพฤติกรรมของเจ้าของสุนัขฝูงนี้ขณะกำลังเดินกลับ เมื่อเห็นว่ามีชาวบ้านกำลังถ่ายคลิป ก็แสดงพฤติกรรมทำนองเย้ยหยันไม่สนคำสั่งห้ามนำสุนัขกลับมาก่อนคดีความจะสิ้นสุด ระหว่างที่เจ้าของพาฝูงสุนัขกลับในขณะนั้นมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ กำลังลงเล่นน้ำทะเลจากคลิปสังเกตว่าทุกคนต่างยืนนิ่งด้วยอาการหวาดกลัว เนื่องจากเกลงจะโดนฝูงสุนัขเข้ารุมกัด ต้องปล่อยให้เจ้าของพาสุนัขผ่านไปเสียก่อน จากนั้นจึงจะวิ่งลงไปเล่นน้ำต่อได้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคลิปจึงถามถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยลงมาดูแลความปลอดภัยให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เนื่องจากเจ้าของสุนัขมีพฤติกรรมทำตัวเสมือนมาเฟีย ไม่เกลงกฎหมายบ้านเมือง
ด้านนายทิพย์ รื่นเกษม อายุ 56 ปี เจ้าของคลิปวีดีโอเล่าว่า ตนและชาวบ้านจำนวนหนึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการร้านอาหารในพื้นที่สวนหลวง ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการ ตั้งแต่เกิดเรื่องหมากัดฝรั่งและคนไทยอยู่บ่อยครั้ง รายได้จากการท่องเที่ยวบนชายหาดสวนหลวงลดลง นักท่องเที่ยวไม่ค่อยกล้าเดินทางมา เกลงจะไม่ปลอดภัยกรณีสุนัขไล่กัดทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จึงมีการรวมตัวกันมาที่ อบต.พงศ์ประศาสน์ เพื่อสอบถามกรณีนายมาเทียส เจ้าของฝูงสุนัข ฝ่าฝืนคำสั่งนำสุนัขกลับมาได้อย่างไร เนื่องจากก่อนหน้าชาวบ้านร้องทุกข์ไปยังหน่วยงาน จากนั้นมีคำสัง อบต.พงศ์ประศาสน์ ให้นำสุนัขออกจากพื้นที่เสียก่อน โดยมิให้นำสุนัขที่ไล่กัดนักท่องเที่ยวกลับมา เนื่องจากคดีความยังไม่สิ้นสุด แต่กลับพบว่า นายมาเทียส เอาหมากลับมาเดินตามชายหาดอย่างสบายใจ โดยไม่สนคำสังท้องถิ่นแต่อย่างใด หลังถ่ายคลิปยังมีพฤติกรรมชูไม้ชูมือเยาะเย้ยต่อหน้ากล้องขณะพยามยามอัดคลิปไว้เป็นหลักฐาน เสมือนเป็นการเหยียดหยันกฎหมายบ้านเมืองฝ่าฝืนคำสั่ง ซึ่งในเรื่องนี้แม้แต่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่พาบุตรหลานมาเล่นน้ำทะเลตามชายหาด ต่างวิจารณ์ตั้งข้อสงสัยเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้นายมาเทียส นำหมากลับมาได้ ทั้งที่ยังเป็นคดีความอยู่ในชั้นศาล หลังมีการฟ้องคดีกรณี นายโรฟ วีเบอร์ ชาวสวิดเซอร์แลนด์ ถูกสุนัขของนายมาเทียส กัดเข้าที่ขา ขณะเดินเล่นบริเวณชายหาดสวนหลวงพื้นที่ อ.บางสะพาน เป็นข่าวไปเมื่อช่วงเดือน สิงหาคม 2567 ของปีที่ผ่านมา
ด้านนาย โรฟ วีเบอร์ เล่าผ่านล่ามคนไทยให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังเกิดเหตุการณ์หมาของนายมาเทียส กัดเข้าที่บริเวณขาโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 67 ที่ผ่านมา เนื่องจากเขาอยู่ได้แค่2เดือนก่อนกลับประเทศตนเอง จากนั้นนายโรฟ วีเบอร์ ทราบว่า ทางนายมาเทียส ได้ถูกเจ้าหน้าที่ออกมาตราการสั่งมิให้นำหมามาเลี้ยงก็รู้สึกสบายใจมีความสุข พอได้มีโอกาสกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง จู่ ๆ ก็เห็นหมาของนายมาเทียส กลับมาเดินเล่นตามชายหาดเช่นเคย
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า มาที่ อบต.สอบถามเรื่องอะไรบ้าง นายโรฟ วีเบอร์ ตอบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกิดคำถามและตั้งข้อสงสัยว่า นายมาเทียส ยังนำหมากลับมาเดินเล่นตามชายหาดได้อีกมันหมายถึงอะไร และจะมีมาตราการในทางกฎหมายที่จะคุ้มครองและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้อย่างไรบ้าง หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
ด้านนายธนาชัย บัวช่วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์ เปิดเผยว่า ปัญหาในเรื่องนี้เกิดมานานแล้วทางเราก็มีการแก้ไขและพูดคุยระหว่างผู้เสียหายกับเจ้าของหมาโดยมีทุกภาคส่วนเข้าร่วม และมีแนวทางปฏิบัติตามกรอบกฎหมายที่ อบต.จะสามารถบังคับใช้ได้
ในส่วนคดีได้ดำเนินการฟ้องเจ้าของสุนัขแทนผู้ร้องทุกข์เป็นที่เรียบร้อย แต่เนื่องจากทนายฝังเจ้าของหมายื่นอุทธรณ์ชั้นศาล ให้กรมอนามัยเขต 5 ราชบุรีลงตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีรายงานว่าไม่พบว่ามีสุนัขเจ้ากรรมที่กัดชาวต่างชาติอยู่ในบ้านมีเพียงสุนัขเล็ก ๆ เพียงสองตัวที่เลี้ยงไว้ เป็นเหตุให้เจ้าของหมาชนะคำฟ้อง จากนั้นสัง อบต.ให้ระงับเรื่องไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามต่อหลังทราบว่าคดีฟ้องยังไม่สิ้นสุด แต่เจ้าของนำสุนัขกลับมาในพื้นที่จะมีแนวทางอย่างไร โดยทางด้าน อบต.เราจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบให้บ่อยครั้ง เนื่องจากทางเจ้าของสุนัขมักจะเอาซ่อนไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอบต.เข้าตรวจ หากพบว่ายังมีสุนัขที่ก่อเหตุอยู่ในบ้านหรือในพื้นที่ ทางเราก็จะยึดเอาระเบียบแรกตามคำสั่งห้ามโดยให้เจ้าของสุนัขนำออกนอกพื้นที่ก่อนทุกครั้งที่พบ ระหว่างนั้นหลายฝ่ายเราจะร่วมกันวางกรอบมาตราการบังคับใช้ทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป
นัครินทร์/รายงานข่าว