วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ยื่นจดหมาย ต่อประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา ผ่าน พลตำรวจตรีอังกูร คล้ายคลึง ประธานคณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เพื่อแก้ไขปัญหาที่องค์กรต่างชาติ PETA และ Born Free ได้ออกมารณรงค์ห้ามนักท่องเที่ยวอังกฤษไม่ให้เดินทางเที่ยวสวนสัตว์ของไทย
ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล เลขาธิการและผู้อำนวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) กล่าวว่า จากกรณีกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ PETA (People for the Ethical Treatment of Animals) บุกสถานทูตไทยในกรุงลอนดอน เทน้ำกะทิราดตัวประท้วง พร้อมชูป้ายเรียกร้องให้บอยคอตกะทิไทย โดยกล่าวหาว่าอุตสาหกรรมกะทิของไทยใช้แรงงานลิงอย่างทารุณ ลิงถูกล่ามโซ่ ขังในกรง และถูกบังคับให้ทำงานหนัก ต่อมาภายหลัง PETA และองค์กร Born Free ได้ออกมารณรงค์ “แบนหมูเด้ง” โดยระบุว่าความโด่งดังของหมูเด้งจะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ห้ามนักท่องเที่ยวอังกฤษไม่ให้เดินทางมาดูหมูเด้งและเที่ยวสวนสัตว์ของไทย
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ที่ผ่านมา TSPCA เคยยื่นหนังสือ เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขเรื่องดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2563 เช่น ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานเรื่องการจัดสวัสดิภาพลิงกังเก็บมะพร้าว หนังสือเลขที่ ท.ปก. 586/63 ลงวันที่ 21 กันยายน 2563 ถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยข้อเสนอ เช่น ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานในการสืบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่ถูกร้องเรียน ซึ่งคณะทำงานต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเป็นกลาง มีความรู้ความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสื่อสารตอบกลับผู้ร้องเรียนอย่างเป็นทางการ และที่สำคัญควรมีการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และติดตามประเมินผลการจัดสวัสดิภาพลิงกังเก็บมะพร้าวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ โดยใช้หลักวิชาการและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เป็นต้น
ในปี 2565 TSPCA ได้ประสานภาคเอกชน ในการจัดพิมพ์คู่มือการจัดสวัสดิภาพการเลี้ยงลิงกังเพื่อใช้งานและการแสดงให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 (Manual for welfare management of pig-tailed macaques kept for work and entertainment in compliance with the Cruelty Prevention and Animal Welfare Act,B.E.2257) โดยได้มีการแจกจ่ายหนังสือ ฉบับดังกล่าวไปทั่วทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าว TSPCA ยังคงได้รับข้อมูลและมีผู้ร้องเรียนจำนวนมาก ซึ่งถ้าไม่มีการศึกษาหรือแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องทันท่วงที อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ การส่งออก ผู้ประกอบการ ตัวสัตว์ เจ้าของสัตว์ และที่สำคัญอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้ จากข้อมูลพบว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตและส่งออกกะทิที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าส่งออกถึง 411 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยัง 119 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในสามประเทศที่นำเข้ากะทิจากไทย โดยการนำเข้ามูลค่าประมาณ 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของกะทิไทยที่จัดจำหน่ายในประเทศอังกฤษจะขายไปยังร้านอาหารเอเชีย ความนิยมอาหารดังกล่าวมีเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีกะทิเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของเมนู เป็นต้น
ดังนั้น TSPCA จึงจะขอความอนุเคราะห์จากท่านประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เพื่อพิจารณาศึกษา ติดตาม ประเมินผล การแก้ปัญหาดังกล่าวในทุกมิติรอบด้านต่อไป
อีกทั้ง TSPCA และองค์กรเครือข่าย ยังได้ติดตามผลการศึกษา สถานการณ์ด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีสัตว์ทำร้ายนักท่องเที่ยวจนได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต กรณี ช้างทำร้ายนักท่องเที่ยวสาวชาวสเปน อายุ 23 ปี จนเสียชีวิต ที่เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ต่อมาเกิดเหตุการณ์ช้างย่อตัวลงใช้เท้าเตะนักท่องเที่ยวหญิงรายหนึ่ง ขณะกำลังลอดท้องช้าง และนำบุตรหลานลอดท้องช้าง ที่เดินรับเงินบริจาคในพื้นที่บ้านนาคันหัก จังหวัดสระแก้ว อีกทั้งก่อนหน้านั้น ขณะนี้ยังมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมายังสมาคมฯ เป็นจำนวนมากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบภาพลักษณ์และสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก อีกด้วย โดยหวังว่าเรื่อง ดังกล่าวจะได้รับการพิจารณา แก้ไขเพราะเชื่อว่านานาชาติ คงจับตามองการแก้ไขปัญหา ของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ต่อไป
cr.เสาร์แก้ว คำพิวงค์ ผู้สื่อข่าวภาคสนามรายงาน 087-719-9429
