วันที่ 19 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่สำนักงาน ตม.จว.สมุทรสาคร ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.สมุทรสาคร (ผกก.จว.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.เศรษฐพงศ์ ชูเมือง รอง ผกก.ตม.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ องอาจ รอง ผกก.ตม.จว., พ.ต.ต.จิรายุ เชิดฉาย สว.ตม.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันจับกุมนาย MIN TUN (หรือ MR.MIN YUN) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา หลังจากได้มาติดต่อเพื่อขอรับบริการการจัดเก็บอัตลักษณ์ของบุคคล ณ ที่ทำการ ตม.สมุทรสาคร
ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบนาย MIN TUN ด้วยเครื่องเช็คประวัติด้วยระบบ Biometrics ปรากฏว่า เป็นบุคคลที่เคยก่อเหตุร้าย และถูกจับดำเนินคดีในข้อหา (ลักทรัพย์) ทั้งยังมีบันทึกถูกเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ เมื่อปี พ.ศ.2565 ดังนั้นจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขของการผ่อนผันให้อยู่ใน ปท.ตามมติ ครม.
“จากนั้นจึงทำการจับกุมไวเพื่อดำเนินคดีในข้อหา เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”
พ.ต.อ.ปกฉัตร ระบุ สำหรับในช่วงหลังจากการมีผ่อนผันและให้กลุ่มแรงงานต่างด้าว ตามมติ ครม. ที่ให้ขึ้นทะเบียนบุคคลต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยสั่งการให้ทาง ตม.จว.สมุทรสาคร ว่า ให้เพิ่มความเข้มงวดขึ้นในการสอบตรวจสอบเอกสาร, และตรวจสอบพบประวัติ (จากระบบ Biometrics) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ข้อมูลชีวภาพของตัวคน อาทิเช่น ลายนิ้วมือ และการสแกนใบหน้า เพื่อใช้ในกายืนยันตัวตน ของผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศ ซึ่งระบบนี้ได้ช่วยเพิ่มเติมในประสิทธิภาพของการตรวจสอบตัวตน ทั้งสามารถช่วยป้องกันด้านการใช้เอกสารปลอม ในการเดินทางข้ามพรมแดนอีกด้วย
“แม้ผู้ต้องหาจะมีการเปลี่ยนชื่อของตนเอง แล้วเข้ามาขอขึ้นทะเบียน(อัตลักษณ์ใหม่) อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบลายนิ้วมือ ก็สามารถรู้ว่า เคยมีประวัติเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าเมืองตามกฎหมาย”
มานพ ข่าวมหาชัย
