นราธิวาส – ม.นราธิวาสราชนครินทร์ นำทัพ! ผนึกกำลัง 4 จังหวัดชายแดนใต้ ลงนาม MOU สร้าง กลไกความร่วมมือเชิงสถาบัน ยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.15 น. ที่ห้องประชุมนวบานบุรี ชั้น 3 ศูนย์วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเป็นประธานและร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ (MOU)โครงการวิจัยการสร้างกลไกความร่วมมือในการขยายผลการพัฒนาเมืองต้นแบบชายแดนใต้เพื่อยกระดับคคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ระหว่างมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสตูล โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ นางสาวณัฐชยา ศรีดำ ผู้ช่วยเลขาธิการกรมการพัฒนาชุมชน นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และนายธนพัฒต์ เด่นบุรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)ในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้บริหารระดับจังหวัดจากนราธิวาส ยะลา และสตูล ตลอดจนผู้แทน ศอ.บต. เครือข่ายมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้บนฐานของความร่วมมือเชิงสถาบันอย่างแท้จริง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดี มนร. กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีต่อทุกหน่วยงานที่เข้าร่วม โดยย้ำว่าโครงการวิจัยฉบับนี้ถูกออกแบบเพื่อทำหน้าที่เป็น “กลไกความร่วมมือเชิงสถาบัน” (Institutional Collaboration Mechanism) ที่จำเป็นยิ่งต่อการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของพื้นที่ชายแดนใต้ โดยระบุว่า“การลงนาม MOU คือสัญลักษณ์สำคัญที่เปลี่ยนจาก ‘ต่างคนต่างทำ’ ไปสู่ ‘การมีเป้าหมายและแผนงานร่วมกัน’ มหาวิทยาลัยในฐานะผู้สร้างเทคโนโลยี จะทำงานเคียงข้างฝ่ายปกครองซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ เพื่อยกระดับรายได้ คุณภาพชีวิต และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม”

ด้านนางสาวณัฐชยา ศรีดำ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงบทบาทของ ศอ.บต. ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนชายแดนใต้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งยังเป็นประเด็นเร่งด่วนในทุกพื้นที่เป้าหมาย แม้พื้นที่จะมีศักยภาพสูงด้านทรัพยากร พืชเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น “อุปสรรคสำคัญของชุมชนคือการขาดความร่วมมือเชิงบูรณาการและช่องว่างทางเทคโนโลยี ทำให้ศักยภาพไม่ถูกใช้เต็มที่ พิธีลงนาม MOU วันนี้ จึงเป็นกลไกที่ตรงจุดที่สุดในการเชื่อมเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยกับการนำไปปฏิบัติจริง ศอ.บต. พร้อมทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานงาน เพื่อให้ความร่วมมือนี้เกิดผลในพื้นที่ทั้ง 6 จุดอย่างแท้จริง” ซึ่งศอ.บต. ตั้งเป้าผลลัพธ์สำคัญ ได้แก่ ลดช่องว่างเทคโนโลยี (Technology Gaps) พัฒนาบุคลากรแกนนำ “ครูค่ายชายแดน” และขยายผลเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่นคงและยั่งยืน

ด้านนายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า จังหวัดกำลังเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจ ทั้งการแข่งขันการตลาดเกษตรจากต่างประเทศ การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัล และความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปสู่การท่องเที่ยวเชิงศรัทธาและเชิงนิเวศ จังหวัดยะลาพร้อมบูรณาการองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่การปฏิบัติ ด้วยพื้นที่ต้นแบบที่สำคัญ ได้แก่ กล้วยหินบันนังสตา ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา ส้มโชกุนเบตง และมังคุดในสายหมอกเบตง รวมถึงสินค้า GI ที่อยู่ระหว่างการประกาศและตรวจคำขอ เช่น ไก่เบตง ปลานิลสายน้ำไหล และปลาพลวงชมพูฮาลาบาลา “เรามั่นใจว่าการผนึกกำลังครั้งนี้จะทำให้จังหวัดสามารถสร้างเอกลักษณ์สินค้า เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และต่อยอดการท่องเที่ยวคุณภาพสูง ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจชายแดนที่แข็งแรงขึ้นในระยะยาว”

ด้านนายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านรายได้ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของจังหวัด โดยประชาชนจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึงทุน ตลาด และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จังหวัดจึงประกาศความพร้อมที่จะนำนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยไปสู่พื้นที่ต้นแบบ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนเกาะหัวใจเกื้อกูล อ.ตากใบ แหล่งผลิต “ปลากุเลา” สินค้า GI ชื่อดังของจังหวัด จังหวัดมีแผนต่อยอดด้านการแปรรูป มาตรฐานคุณภาพ การสร้างแบรนด์ และการตลาด ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

ด้านนายธนพัฒต์ เด่นบุรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล กล่าวถึงความต้องการเร่งด่วนในการพัฒนาทักษะอาชีพ ยกระดับบุคลากร และลดช่องว่างทางเทคโนโลยีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จังหวัดสตูลมีพื้นที่ต้นแบบที่พร้อมพัฒนา ได้แก่กลุ่มเทคโนโลยีสมุนไพรควนโดน ผลิตภัณฑ์ GI เช่น กระท้อน และจำปาดะควนโดน จังหวัดเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจฐานราก และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแก่ประชาชนในพื้นที่โดยรวม

อย่างไรก็ตามความร่วมมือเชิงสถาบันสู่อนาคตชายแดนใต้ที่มั่นคงยั่งยืน โดยพิธีลงนาม MOU ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงสถาบันระหว่าง มหาวิทยาลัย หน่วยงานปกครองส่วนจังหวัด ศอ.บต. และภาคเอกชน และชุมชน โดยร่วมกันสร้างระบบการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี งานวิจัย และนวัตกรรม ให้เกิดผลจริงในพื้นที่ ผ่านกลไกการทำงานที่ยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ เสริมความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชน และวางรากฐานสำคัญสู่การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ให้เป็น “พื้นที่สงบสุข มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” ในระยะยาว

 

ข่าว/กรียา/นราธิวาส

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ