ทนายความยื่นหนังสือพร้อมหลักฐานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรให้เร่งตรวจสอบร้านอาหารแห่งหนึ่งปลูกสร้างและเปิดประกอบการร้านอาหาร อาคารและกำแพงคอนกรีต เขื่อน รุกล้ำลำน้ำคลองวิสัยในพื้นที่รอยต่อริมฝั่งคลองระหว่าง หมู่ 10 ตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี กับหมู่ 12 ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมือง จ.ชุมพร โดยเจ้าของสวนปาล์มน้ำมันอีกฝั่งคลองได้รับผลกระทบจากน้ำเปลี่ยนทิศเข้ามากัดเซาะกินหน้าดินพังทลายหาย พืชผลทางการเกษตรล้มโค่นเสียหายไหลไปกับน้ำ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 มี.ค.67 นางสาวสุรีย์ ภู่สาร อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 แขวงท่าแร้ง เขตรามอินทรา กรุงเทพมหานคร พี่สาวเจ้าของที่ดินที่ได้รับผลกระทบ พร้อมด้วยนางสาวสิริรัตนา ชูวัจนะ ทนายความผู้รับมอบอำนาจดำเนินการทางกฎหมาย เดินทางลงพื้นที่หมู่ 10 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร พาผู้สื่อข่าวสำรวจตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหาในการรุกล้ำลำน้ำ จนผู้ร้องได้รับผลกระทบ
ตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายปลูกปาล์มน้ำมันในเนื้อที่ 12 ไร่ โดยด้านหน้าสวนปาล์มอยู่ทิศใต้ติดถนนสายเอเชีย 41- บ้านหาดพริก ส่วนด้านท้ายสวนติดกับคลองวิสัย ซึ่งอีกฝั่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 12 ตำบลวิสัยเหนือ ติดเขตอำเภอเมืองชุมพร พบมีสิ่งปลูกสร้างคล้ายบ้านทรงไทยออกมากลางคลองวิสัยโดยมีแนวเขื่อนกั้นด้วยปูนซิเมนต์เพื่อกันการพังทลายของหน้าดินตลอดแนวหลายสิบเมตร พร้อมทั้งมีการสร้างเขื่อนชะลอน้ำด้วยปูนซิเมนต์ 2-3 แห่ง นางสาวสิริรัตนาฯ ทนายความ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ยื่นหนังสือเรียนไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เรื่อง ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกรณีร้านอาหารแห่งหนึ่ง ปลูกสร้างเขื่อนกำแพง ลานคอนกรีต โรงเรือน รุกลำน้ำคลองวิสัย ปิดกั้นทางน้ำเดิม จนเป็นเหตุทำให้น้ำไหลบ่าเข้ามากัดเซาะที่ดินซึ่งปลูกปาล์มน้ำมันของผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน และแนวดินคลองวิสัยพังทลาย ต้นปาล์มน้ำมัน ต้นมะม่วงและพืชอื่นๆไหลโค่นลงไปตามกระแสน้ำ ทนายความ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นมากกว่านี้ ทั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรัฐ และความสูญเสียต่อผู้ต่อ ส่วนตนในฐานะทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย หลังจากนี้จะดำเนินการรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องละเมิดรบกวนสิทธิ์ ปลดเปลื้องทุกข์ เรียกค่าเสียหายซึ่งอยู่ในระหว่างการสำรวจประเมินค่าความเสียหาย ในส่วนของรัฐเองต้องดำเนินคดีทางอาญากับผู้รุกล้ำลำน้ำต่อไป
สำหรับพื้นที่เสียหายน้ำคลองไหลเปลี่ยนทิศเข้ามากัดเซาะเนื้อที่เสียหายความลึกเข้ามาประมาณ 4-5 เมตร ความยาวแนวลำคลองประมาณ 50 เมตร ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันถูกน้ำเซาะโค่นล้มจำนวน 5 แถว จากเนื้อที่รวม 12 ไร่ ซึ่งยังมีซากต้นปาล์มล้มอยู่บางส่วน และร่องรอยความเสียหายของแนวดินพังทลายด้วย ทั้งนี้เกิดความเสียหายหนักเมื่อฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเมื่อมรสุมล่าสุดที่เกิดขึ้นในจังหวัดชุมพรที่ผ่านมา ด้านนางสาว สุรีย์ฯ พี่สาวของนายสุวิทย์ ภู่สาร เจ้าของที่ดินที่เสียชีวิตแล้ว กล่าวว่า ตนเองอาศัยอยู่ต่างจังหวัดไม่ได้ใช้ ชีวิตอยู่จังหวัดชุมพร สวนปาล์มซื้อไว้กว่า 20 ปีก่อน ก่อนหน้าที่จะลงมาดูความเสียหายหลานชายโทรไปบอกว่าฝั่งตรงข้ามมีการสร้างเขื่อนทำให้น้ำกัดเซาะสวนปาล์มจึงหาเวลาเดินทางจากภาคเหนือลงมาดูพบว่าเกิดความเสียหายมากจึงมอบหมายให้ทนายความดำเนินการทางกฎหมาย
เอกชนะ นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชุมพร 098-9515199