ประจวบคีรีขันธ์ – ญาติ”งง”ลุงวัย 65 ปี ป่วยติดเตียงเบิกเงินธนาคารโครงการฯรัฐ 1 หมื่น พนง.ให้กลับไปตั้งผู้จัดการมรดกก่อนนำเงินออก

วันที่ 4 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสมศรี เผือกผุด อายุ 62 ปี พาสามีที่ป่วยติดเตียงขึ้นรถยนต์เพื่อนบ้านเดินทางไปที่ธนาคาร ออมสินสาขาเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมสมุดบัญชีเงินฝาก หลังทราบว่าสามีนายสนิท เผือกผุด วัย 65 ปี สามีตนได้รับเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านสวัสดิการแห่งรัฐเป็นจำนวน 10,000 บาท โดยเพื่อนบ้านจะพาไปเบิกเงินดังกล่าวที่เข้าบัญชีของนายสนิทให้ เพื่อนำไปใช้จ่ายสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานหลายปีโดยมีนางสมศรีผู้เป็นภรรยาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา หวังนำเงินไปซื้อแพมเพิสผู้ใหญ่ และเครื่องยาที่จำเป็น  แต่ต้องผิดหวังหลังเจ้าหน้าที่ธนาคารอ้างว่าไม่สามารถทำธุระกรรมเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวออกมาได้ เนื่องจากลายเซ็นของนายสนิท ไม่ตรงตามเอกสารที่เซ็นไว้ในการเปิดบัญชีก่อนหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารแนะนำให้นางสมศรีภรรยานายสนิทกลับไปปรึกษาเพื่อตั้งผู้จัดการมรดกให้เรียบร้อยก่อน จึงจะนำเงินจำนวนดังกล่าวออกไปใช้ได้ตามปกติ

หลังทราบเรื่องราวผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านของคุณลุงสนิท เผือกผุด บ้านเลขที่10/11 ม.2 ต.อ่าวน้อย จ.ประจวบฯ  ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวมุงด้วยหลังคาสังกะสี พบคุณลุงสนิทนอนป่วยติดเตียงอยู่ภายในบ้านโดยมีนางสมศรีคอยเช็ดเนื้อตัวดูแลอยู่ไกล้ชิด เนื่องจากไม่สามารถช่วยตนเองได้ แต่คุณลุงยังแสดงอาการรับรู้ได้อยู่ หลังผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนาง สมศรี ผู้เป็นภรรยา เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนและเพื่อนบ้านได้พาคุณลุงสนิทผู้เป็นสามี ที่ป่วยติดเตียงอยู่พาขึ้นรถเพื่อนบ้านในระแวกเพื่อนำไปเบิกเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาประจวบคีรีขันธ์ ในสภาพทุลักทุเล เนื่องจากไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หลังทราบว่าสามีตน ได้รับเงิน จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อย เมื่อไปถึงธนาคารจากนั้นตนจึงนำสมุดบัญชี ขึ้นไปบนชั้นสองของธนาคาร พร้อมเขียนใบเบิกเงินให้สามีเซ็นชื่อรับรองนำกลับไปส่งให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร แต่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า ไม่สามารถเบิกจ่ายยอดเงินจากบัญชีดังกล่าวได้  เนื่องจากลายมือผู้เซ็นไม่ตรงกับเอกสารที่เปิดบัญชีไว้ก่อนหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงแนะนำให้พาสามีตนกลับบ้านไปก่อน แล้วให้ตนกลับไปปรึกษาตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อน จึงจะกลับมาเบิกจ่ายเงินจากโครงการดังกล่าวออกไปใช้ได้ ตนจึงถามกลับไปว่าให้สามีตนพิมพ์ลายนิ้วมือแทนลายเซ็นได้หรือไม่ เนื่องจากอาการเจ็บป่วยของสามีตนอาจทำให้การจับปากกาเซ็นลายมือคงไม่ถนัดเหมือนแต่ก่อน  แต่ได้รับคำตอบยืนยันให้กลับไปตั้งผู้จัดการมรดกเช่นเคย และตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไรเนื่องจากไม่มีความรู้ ประกอบกับตนไม่ได้มีเงินทองที่จะต้องไปขอคำปรึกษาฝ่ายกฎหมายให้ทำเรื่องจัดตั้งผู้จัดการมรดกดังกล่าว จึงอย่ากขอความเห็นใจผู้บริหารธนาคารออมสินสาขาดังกล่าวผ่านสื่อช่วยให้สามีตนได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐในโครงการดังกล่าวนำไปใช้จ่ายสิ่งของจำเป็น ทั้งนี้ถึงแม้ว่าเงินจำนวน 10,000 บาทที่รัฐจัดให้นั้นอาจไม่มาก แต่สำหรับบคนหาเช้ากินค่ำอย่างตนนับว่ามากพอที่จะช่วยต่อชีวิตเลี้ยงปากท้องในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำได้มาก นางสมศรีกล่าว

นัครินทร์/รายงานข่าว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ