วันที่ 29 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ริมชายฝั่งทะเล บริเวณเชิงเขามัทรี เยื้องกับหน้าศาลเจ้าตาแป๊ะ ตำบลปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร หลังมีชาวบ้านบอกว่าพบชายพิการชีวิตรันทดน่าสงสาร เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกไร้ญาติ ท่อสังขารเก็บขยะขายยังชีพ และอาศัยอยู่กินใต้สะพานจุดชมวิวริมถนนชายทะเลดังกล่าว


จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าจุดดังกล่าวเป็นสะพานปูนมีหลังคา สภาพเก่าชำรุดเหมือนถูกปล่อยทิ้งร้าง ซี่งเดิมเป็นจุดชมวิวแหล่งท่องเที่ยว สร้างยื่นลงไปในทะเลประมาณ 15 เมตร พบว่าที่ใต้คอสะพานติดกับชายหาดห่างจากถนนลาดยางเลียบชายฝั่งประมาณ 5 เมตร มีการนำป้ายไวนิลมาปิดล้อมกั้นทำเป็นที่อยู่อาศัย ภายในมีเปลยวนผูกติดกับคานและเสาสะพานไว้สำหรับหลับนอน และมีเสื้อผ้าเก่ากับสิ่งของเครื่องใช้วางไว้ตามซอกตามมุมจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยขวดพลาสติดและเศษขยะที่ถูกเก็บมากองไว้เพื่อนนำไปขาย โดยมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ภายใน สอบถามทราบชื่อคือ นายสมชาย วงค์ถาวร อายุ 40 ปี สภาพร่างกายด้านขวาเป็นอำมพฤกษ์ แขนขวาอ่อนแรงและขาขวายังพอเคลื่อนไหวได้บ้างแต่ต้องเดินเขย่งแบบลากเท้า ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับชายคนดังกล่าว ได้มีชาวบ้านแวะเวียนมาหาพร้อมกับนำน้ำและข้าวกล่องมาส่งให้กับนายสมชายได้กินประทังชีวิต
นายสมชาย วงค์ถาวร หนุ่มวัย 40 ปี เล่าย้อนอดีตก่อนจะมาเป็นคนพิการไร้ที่อยู่อาศัยว่า ตนเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว จึงไม่มีพี่น้อง และพ่อกับแม่ตนก็ได้แยกทางกันตั้งแต่ตนยังแบเบาะชีวิตตนเริ่มทำงานเป็นลูกเรือประมงมาแต่ตอนยังเด็ก ได้อาศัยอยู่กับพ่อและย่า ส่วนแม่ไปมีครอบครัวใหม่ หลังเป็นลูกเรือประมงน้ำลึกได้กว่า 10 ปี ซึ่งช่วงนั้นตนต้องดำน้ำลึกลงไปดูปลาใต้ท้องทะเล ต่อมาตนก็ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ จนเป็นอำมพฤกษ์ด้านขวาขาแขนอ่อนแรงมาต้องเดินกระแพลกแบบลากขามาจนถึงทุกวันนี้
“ ปัจจุบันตนมีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 800 บาท และเก็บขยะขาย ก็พอได้กินได้ใช้ ส่วนพ่อตนก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนตนได้อาศัยอยู่กับย่าในห้องแถวแห่งหนึ่งในปากน้ำชุมพร ซึ่งเป็นของเครือญาติฝ่ายย่า
กระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ย่าตนก็มาเสียชีวิตไปอีกคน จึงทำให้ตนกลายเป็นคนไร้ญาติเพราะตนเป็นลูกคนเดียว และหลังจากย่าตนเสียชีวิต ห้องแถวของเครือญาติที่เคยอยู่มีสภาพเก่าและถูกธนาคารยึด ตนจึงต้องไปอาศัยอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในตำบลบางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร แต่อยู่ได้ประมาณปีกว่า ก็ต้องมีปัญหาเพราะถูกคนที่อยู่ในวัดเดียวกันลักขโมยมือถือของตนไป ”
“ ต่อมาตนก็กลับมาอาศัยในพื้นที่ตำบลปากน้ำชุมพร ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่เดิม อยู่กินหลับนอนไปวันๆตามบ้านคนรู้จักไปเรื่อย และยึดอาชีพเก็บขยะขายเพื่อเลี้ยงชีพ จากนั้นเมื่อประมาณกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ตนก็ย้ายมาอยู่ใต้สะพานริมชายฝั่งทะเลแห่งนี้ใช้เป็นที่อาศัยอยู่กินหลับนอนและออกไปเก็บขยะขาย ”
นายสมชาย กล่าวต่อว่า อดีตช่วงที่ตนเป็นลูกเรือประมงน้ำลึกนั้น เคยมีครอบครัว มีลูกมีเมียมาก่อน หลังจากที่ตนพิการเมียก็แยกทางไปมีสามีใหม่ และนำลูก 2 คน ชายและหญิงไปอยู่ด้วยกันที่จังหวัดแถวภาคกลาง ก่อนหน้านี้ลูกๆทั้ง 2 คนก็เคยติดต่อโทรศัพท์มาพูดคุยบ่อยครั้ง ต่อมาการติดต่อก็ขาดหายไปเพราะโทรศัพท์ตนถูกลักขโมยไปเมื่อตอนที่ไปอาศัยอยู่ในวัด จึงไม่มีโทรศัพท์ใช้ ปัจจุบันลูกชายอายุ 17 ปี ส่วนลูกสาวอายุ 22 ปี
ด้าน นายสุทัศน์ คล้ายน้อย อายุ 51 ปี กล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนและภรรยา เห็นนายสมชายเดินเก็บขยะขายอยู่แถวตลาดปากน้ำชุมพร ตนก็จะซื้อข้าวกล่องและให้เงินใช้ตลอดเพราะสงสารที่เป็นคนไม่มีบ้าน และไม่มีพี่น้อง ต่อมาพอรู้ว่ามาอาศัยหลับนอนอยู่ใต้สะพานแห่งนี้ ตนก็นำข้าว น้ำ มาส่งให้กินอยู่หลายครั้ง และอยากให้เขามีบ้านได้อยู่อาศัยเหมือนกับคนอื่นๆเขา
เอกชนะ นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชุมพร 098-9515199