ธรรมกำไรชีวิต

“วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่” เหมือนพระดำรัสซึ่งเป็นพุทธพจน์ว่า “รตฺตินฺทิวา วีติปทนฺติ” วันและคืนมันก็ผ่านไปตามกาลเวลาของมัน ตรงนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญต้องคิดให้ได้ว่า “บัดนี้เราทำอะไรอยู่” คือทำอะไรอยู่ในขณะที่เราต้องหมุนเวียนอยู่ในภพชาติต่างๆ อันนี้คือแนะให้อยู่กับปัจจุบัน เป็นการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม เหมือนที่พวกเราทั้งหลายกำลังทำกันอยู่ในขณะนี้ อย่าได้ละปัจจุบัน หากให้ละอดีตและอนาคต อย่าละปัจจุบัน คำว่าปัจจุบันมันอยู่ภายในของการหมุนเวียน ชีวิตอินทรีย์มันจะผกผันไปอย่างไร ก็อย่าทิ้งปัจจุบัน เหมือนกับว่าเราจะหายใจเข้าสั้นหรือยาวประการใด ก็อย่าทิ้งปัจจุบัน ภพชาติที่หมุนเวียนไป จะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม ปัจจุบันจะเป็นแกนกลางอยู่เสมอ การเข้าสู่ภาคปฏิบัติจึงมุ่งสู่การเป็นปัจจุบันให้ชัดเจน…ท่านผู้ฟังทั้งหลาย เมื่อพูดเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าตัวเราเองนี้ เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง จริงๆแล้วคือควรเป็นเช่นนั้น การได้สมบัติคือความเป็นมนุษย์นี้ เป็นสมบัติอันประเสริฐที่สุด แม้นใครต่อใครที่ปรารถนาอยากจะเกิดมาเป็นมนุษย์ มิใช่เรื่องง่ายๆเลย ดังพระพุทธภาษิตที่พระองค์ตรัสแก่พญานาคราช ซึ่งแปลงกายเป็นมาณพน้อยมาฟังธรรมกับพระองค์ พอฟังธรรมจบกลับไม่ได้บรรลุคุณธรรมพิเศษอันใด คงได้แค่ขอถึงไตรสรณคมน์เท่านั้น เพราะภพของท่านเป็นภพที่อาภัพจากมรรคผลนิพพาน พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “กิจฺโจ มนุสฺสปฏิลาโภ  การได้สมบัติคือความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก” เพราะต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายๆอย่างมาประกอบกัน เพื่อให้ความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ เมื่อได้ความเป็นมนุษย์แล้ว จึงถือว่าเป็นศูนย์กลางของภพภูมิ ที่ผู้เป็นมนุษย์นั้นจะเลือกเดิน ก็คือจะไปทางซ้ายหรือทางขวา จะเดินหน้าหรือถอยหลัง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์เอง นั่นหมายถึงว่าจะไปนรก คือภพภูมิที่ต่ำกว่าการเป็นมนุษย์ หรือจะไปสวรรค์คือภพภูมิที่สูงกว่าการเป็นมนุษย์ หรือว่าไม่ต้องการทั้งสองภพภูมินั้น เอาเพียงภพภูมิกลางๆนี้แล้วบำเพ็ญเพียรภาวนามุ่งต่อมรรคผลนิพพาน ความเป็นมนุษย์จึงเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง เดินทางสูงก็ไปสวรรค์นิพพาน เดินทางต่ำก็ไปนรก ถ้าจะถามว่าแล้วถ้าไม่เดินทั้งทางต่ำและทางสูง จะขอรักษาความเป็นมนุษย์นี้ไว้เท่านั้นจะได้หรือไม่? นี่แหละคือสิ่งที่ควรทำ เป็นการมุ่งจุดการปฏิบัติตัวเราเองอยู่ในปัจจุบัน ก็คือทำความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ในขณะนี้ และอะไรหล่ะที่จะทำความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ได้ หรือว่าใครจะช่วยทำให้สมบูรณ์ได้ อันนี้ไม่ต้องไปมองอื่นไกล วกกลับมาที่ตัวเราเอง สำรวจที่ตัวเองนั่นคือการมองหาตัวเอง แสวงหาตัวเองภายในตัวของเรานี้ให้รู้ให้เห็น เพราะในตัวเรามันคือทุกสิ่งทุกอย่างของโลก ของภพภูมิทั้งหลายทั้งปวง ของภาวะคือความเป็นของทุกอย่าง มันอยู่ในตัวของเรานี้ พระพุทธองค์จึงตรัสสอนให้เกิดความคิดใหม่กับคนกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังพากันแสวงหาสิ่งของ และคนอีกคนหนึ่งที่ลักขโมยสิ่งของนั้นไป โดยตรัสให้เขาเกิดความคิดใหม่ว่า “พวกท่านจะแสวงหาคนอื่นหรือแสวงหาตนเองดี” เมื่อท่านเกิดความคิดใหม่ เพราะคำถามเช่นนั้น ท่านก็บอกว่า “แสวงหาตัวเองดีกว่า” แล้วพระองค์ก็ทรงแสดงวิธีการแสวงหาตนเองให้คนกลุ่มนั้นฟัง สุดท้ายคนกลุ่มนั้นทั้งหมดก็ได้บรรลุธรรมและมาเป็นกำลังสำคัญกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

หลวงพ่อพระมหาประกอบ ธัมมชีโว
19 ตุลาคม พ.ศ.2546

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ