Category Archives: บทความ-สกู๊ป

พญากาสัก…เพาะเมล็ดอย่างไรให้งอก

พญากาสัก ไม้มงคลและสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีใบใหญ่คล้ายใบต้นสัก มีรากสะสมอาหารสามารถใช้เข้าตำรับยาสมุนไพรรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสมัยโบราณ ว่ากันว่าหากปลูกไว้ในบ้านจะเป็นมหาอำนาจเมตตา มีแต่คนเข้าหาเช่นคนใหญ่คนโต มีอีกชื่อหนึ่งว่า”หุบเสือนอน” ด้วยเพราะใบมีขนาดใหญ่มาก จึงสามารถบังแดดบังฝนในป่าได้เป็นอย่างดี จึงมักมีเสือใช้เป็นที่หลบนอน ในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นช่วงที่พญากาสักออกดอกและติดผล  โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือนผลจึงสุกเป็นสีม่วง หลายท่านอาจเคยเห็นว่าต้นไม้ชนิดนี้ติดผลมาก แต่กลับนำเมล็ดมาเพาะแล้วไม่ขึ้นสักต้น บางท่านอาจเสียเงินสั่งซื้อเมล็ดมาเพาะจนช้ำใจ แท้จริงแล้วที่เป็นแบบนั้นเพราะ”เป็นพืชที่เมล็ดมีอัตราการงอกต่ำและมีระยะฟักตัวของเมล็ดยาวนานมาก”  โดยมีอัตราการงอกประมาณ 10-30% เท่านั้น และใช้เวลาฟักตัวถึง 1-2 ปีกว่าจะงอก แล้วมักจะงอกในฤดูฝนเป็นหลัก  ซึ่งไม่เกี่ยงว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีแดดจัดหรือพื้นที่แดดรำไรไปจนร่ม ขอเพียงได้รับความชื้นอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอที่จะมีโอกาสงอกได้ ดังนั้นหากต้องการจะเพาะเมล็ดพืชชนิดนี้  ก็ทำเพียง”โรยเมล็ดลงดิน แล้วรดน้ำไปเรื่อย ๆโดยไม่คาดหวังอะไรเป็นเวลา 1-2 ปี” หวังว่าทุกท่านจะรอได้ ภาพและข้อมูลโดย ว่าที่ร้อยตรีเพชรายุทธ ทรงชุ่ม ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาครและเกษตรกร

เพาะเมล็ดมะเขือเทศอย่างไร ให้งอกมากและเจริญเติบโตดี

บทความนี้จะเป็นบทความสั้น ๆ เกี่ยวกับการเพาะเมล็ดพืชผักสวนครัว  ซึ่งในที่นี้ คือ มะเขือเทศ  ที่หลายท่านอาจเคยเพาะโดยการเตรียมดินแล้วโรยเมล็ด  จากนั้นก็นำไปไว้ในที่ที่มีแดดรำไรแล้วรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นแบบการเพาะเมล็ดพืชผักสวนครัวชนิดอื่น ๆ แต่สุดท้ายเมล็ดมะเขือเทศที่เพาะไว้กลับไม่ค่อยงอกหรืองอกเพียงไม่กี่ต้น  แล้วต้นที่งอกก็มักจะอ่อนแอตายง่าย  บ้างก็แคระแกรนไม่เจริญเติบโต ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเกิดจากปัญหา”การไม่เข้าใจธรรมชาติของมะเขือเทศดีพอ”  แท้จริงแล้ว”เมื่อเพาะเมล็ดแล้ว  จะต้องวางไว้กลางแจ้งให้โดนแดดจัด  เมล็ดมะเขือเทศจึงจะงอกและเจริญเติบโตแข็งแรงดี”  ไม่ต้องกลัวว่าแดดจะเผาจนตายหากรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะได้มีมะเขือเทศไว้บริโภคในบ้านนำไปทำอาหารเมนูต่าง ๆ ได้มากมาย  ทั้งนี้นอกจากมะเขือเทศแล้ว  ยังมีมะเขือพวงอีกชนิดนึงที่ใช้วิธีการเพาะเมล็ดแบบนี้เช่นกัน ภาพและข้อมูลโดย ว่าที่ร้อยตรีเพชรายุทธ ทรงชุ่ม ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาครและเกษตรกร

น้ำหมักชีวภาพ…จากจุลินทรีย์ภายในบ้าน

น้ำหมักชีวภาพ คือการนำเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลายวัตถุอินทรีย์และไม่เป็นพาหะก่อโรคมาทำการขยายจำนวนเชื้อด้วยการเลี้ยงในอาหารที่จุลินทรีย์ชนิดนั้นชอบ  แล้วจึงนำไปใช้ประโยชน์ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งสูตรน้ำหมักชีวภาพสูตรนี้ เป็นการประยุกต์จากการทำน้ำหมักชีวภาพจากเชื้อจุลินทรีย์ EM โดยมีวัตถุดิบส่วนผสม ดังนี้ -กากน้ำตาล 1 ส่วน (ใช้น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลทรายแดงแทนได้  แต่ต้องเพิ่มอัตราส่วนเป็น 3 ส่วน) -เชื้อจุลินทรีย์ 1 ส่วน -น้ำเปล่า 20 ส่วน -เศษอาหารหรือวัสดุอินทรีย์เหลือทิ้ง 1-6 ส่วน (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) -ถังสำหรับบรรจุแบบมีฝาปิด (หากไม่มีฝาปิดให้ใช้ถุงขยะชนิดหนาปิดแทนก็ได้) วิธีการทำ 1.เทกากน้ำตาลและน้ำบางส่วนผสมในถังสำหรับบรรจุแบบมีฝาปิดแล้วคนให้เข้ากันจนกากน้ำตาลละลาย หากใช้น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลทรายแดงแทนกากน้ำตาล ต้องใช้ตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ข้างต้น เพราะมีความเข้มข้นของน้ำตาลและสารอาหารน้อยกว่ากากน้ำตาล จึงต้องเพิ่มสัดส่วนให้จุลินทรีย์มีอาหารเพียงพอ 2.ผสมเชื้อจุลินทรีย์ที่เตรียมไว้กับน้ำที่ผสมกากน้ำตาลแล้ว  ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าวสามารถหาจากในบ้านได้  โดยหาได้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น -หน่อกล้วยที่ตัดในช่วงเช้ามืด(เป็นจุลินทรีย์หน่อกล้วย) -ดินจากบริเวณพืชในบริเวณบ้าน โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว เช่น แค โสน ถั่วพู มะขาม มะขามเทศ -ดินจากกอไผ่ -ดินที่เกิดจากการย่อยสลายของเศษไม้ใบหญ้า -จาวปลวก -หน้าดินบริเวณที่โดนแสงสว่างหรือมีตะไคร่น้ำเกาะ -ดินโคลนในบ่อหรือร่องสวนหรือร่องน้ำ -ดินในบริเวณที่มีมูลหรือไขขี้ฟอดของไส้เดือนดิน -น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติหรือในบ่อหรืออ่างปลาที่มีสีเขียวหรือออกสีเหลือง มีความใส […]

การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง…สูตรทำใช้เองแบบง่ายที่สุด

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง คือ จุลินทรีย์ในกลุ่มแบคทีเรียที่มีความสามารถในการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารได้ ซึ่งทำให้มีคุณสมบัติในการย่อยสลายแร่ธาตุในดินทำให้พืชดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้น บางกลุ่มช่วยในการการตรึงธาตุไนโตรเจนลงในดิน  อาจช่วยกระตุ้นรากพืชให้แตกขยายได้รวดเร็วและควบคุมจุลินทรีย์ไม่ดีไม่ให้ขยายตัวจนเป็นปัญหา  ซึ่งจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนั้นมีหลายสี  ทั้งแดง ม่วง น้ำตาล สามารถใช้งานร่วมกับปุ๋ยหรือน้ำหมักชีวภาพที่หมักด้วยกากน้ำตาลได้ดีอีกด้วย เพราะมีคุณสมบัติเป็นด่าง อันเป็นสภาวะตรงข้ามกับน้ำหมักด้วยกากน้ำตาลที่มีคุณสมบัติเป็นกรด      สำหรับการเพาะขยายจุลินทรีย์สังเคราะแสงนั้นทำได้ง่ายมาก  ในที่นี้จะแนะนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจาก 2 แหล่ง คือ ซื้อมากับหามาจากธรรมชาติ -แบบซื้อมา สามารถหาซื้อได้จากผู้ค้าทั่วไป ส่วนมากมักจะมีสีม่วงเข้มหรือสีแดงเข้ม เป็นสายพันธุ์ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้ว จึงสามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว -แบบหามาจากธรรมชาติ คือ การนำจุลินทรีย์จากน้ำในธรรมชาติ น้ำบาดาล หน้าดิน โคลนเลน ดินบริเวณที่โดนแสงหรือบริเวณรากต้นไม้ มาทำการขยาย  มีข้อดีคือทนต่อสภาพแวดล้อมที่ใช้งานได้ดี เพราะเป็นจุลินทรีย์ท้องถิ่น ส่วนมากจะมีสีแดงเรื่อหรือสีน้ำตาล      นำหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ได้มาใส่ในขวดขนาด 1.5-2 ลิตร จากนั้นตอกไข่ใส่ลงไป 1 ฟองพร้อมเปลือก เขย่าให้เข้ากันแล้วเติมน้ำจนเกือบเต็มปิดฝาหลวม ๆ ไปวางตากแดดทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ เชื้อก็จะเริ่มขยายและเจริญเติบโต สูตรนี้จะใช้แค่ไข่จะไม่ใส่น้ำปลาหรือกะปิหรือผงชูรสเพราะอาจจะเพิ่มเกลือให้ความด่างเพิ่มมากจนเป็นอันตรายต่อพืชได้ รวมถึงประหยัดต้นทุน เมื่อใช้งานให้ผสมอัตรา 1:1000 (1 ช้อนโต๊ะ […]

เม็ดเงิน ! ทุนจีนลงทุนไทย ทำไมกลายร่างเป็นจีนเทา

ในปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะ นักลงทุนชาวจีนแผ่นดินใหญ่และจีนไต้หวัน โดยเฉพาะ”ภาคอุตสาหกรรม” ที่สร้างเม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำจากอุตสาหกรรมบางอย่างที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในประเทศจีนหรือไต้หวัน เพราะติดปัญหาด้านกฎหมายและปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงก่อเกิดปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมมากมายตามมา เช่นเรื่องโรงหล่อโลหะ ปล่อยควันพิษ กากแคดเมียม โรงงานรีไซเคิล (Recycle) ขยะ และปัญหาเรื่องกากอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่เป็นทำเลที่ดีในการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยติดกับพื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้กับท่าเรือคลองเตยและเครือข่ายรถไฟขนส่งอุตสาหกรรมไปภาคตะวันออก และเป็นพื้นที่ที่จัดอยู่ในโซนอุตสาหกรรมเพราะ ”เงิน ซื้อได้ทุกสิ่งในที่แห่งนี้”, หากจะสร้างโรงงานก็จำเป็นต้องซื้อที่ดินเป็นของตนเอง ดังนั้นกลุ่มทุนจีนเหล่านี้จึงมักติดต่อ ”นายหน้าค้าที่ดินสำหรับคนจีนโดยเฉพาะ” ซึ่งขบวนการนี้มี ”เจ้าหน้าที่ของรัฐ” อยู่ในขบวนการด้วย โดยปกติที่ดินที่จะสร้างโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างน้อยจะต้องเป็นพื้นที่สีเหลืองขึ้นไป เพื่อรองรับการติดตั้งเครื่องจักรตามกำลังที่กฎหมายกำหนดและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน โดยเฉพาะเสียงที่เกิดจากเครื่องจักรและมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แต่ขบวนการนี้กลับไม่สนเรื่องนี้ แล้วหลอกขายที่ดินใน ”พื้นที่สีเขียว” ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมทั้งที่รู้ว่ามันสร้างโรงงานไม่ได้ ซึ่งกลุ่มทุนจีนก็มักไม่รู้ถึงเรื่องนี้ จึงซื้อที่ดินดังกล่าวเอาไว้เนื่องจากมีราคาถูก ก่อนที่จะรู้ความจริงในภายหลัง พอถึงขั้นนี้แล้วขบวนการดังกล่าวก็จะเสนอตัว ”คุยกับผู้มีอำนาจในภาครัฐ เพื่อจ่ายใต้โต๊ะให้ได้ใบอนุญาตสร้างโรงงาน” โดยคิดค่าดำเนินการหลักหลายแสนบาท กลุ่มทุนเหบ่านี้ก็ต้องยอมจ่ายค่าเคลียร์ทางดังกล่าวให้กลุ่มนายหน้า ไปดำเนินการเคลียร์กับผู้มีอำนาจในพื้นที่ เพื่อให้สร้างโรงงานในพื้นที่สีเขียว  ที่ได้ซื้อที่ดินเอาไว้แล้ว(ซึ่งส่วนมากจะอยู่กลางชุมชน) ให้แล้วเสร็จจะได้ไม่ขาดทุน ทำให้กลุ่มนักลงทุนชาวจีน กลายเป็นจีนเทาทำผิดกฎหมายโดยสมบูรณ์ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้อยากทำ แต่จำใจต้องทำไม่งั้นก็จะขาดทุน โดยกลุ่มทุนจีนที่เป็นเหยื่อมักจะเป็นกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยไม่นานในพื้นที่บริเวณอำเภอกระทุ่มแบนและเขตติดต่อกับอำเภอเมืองสมุทรสาครนั่นเอง ฝากผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ช่วยมาสอดส่องและจัดการเรื่องนี้ก่อนที่จะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาและอาจสายเกินแก้ต่อไป บทความโดย ว่าที่ร้อยตรีเพชรายุทธ […]

ธรรมกำไรชีวิต

“วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่” เหมือนพระดำรัสซึ่งเป็นพุทธพจน์ว่า “รตฺตินฺทิวา วีติปทนฺติ” วันและคืนมันก็ผ่านไปตามกาลเวลาของมัน ตรงนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญต้องคิดให้ได้ว่า “บัดนี้เราทำอะไรอยู่” คือทำอะไรอยู่ในขณะที่เราต้องหมุนเวียนอยู่ในภพชาติต่างๆ อันนี้คือแนะให้อยู่กับปัจจุบัน เป็นการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม เหมือนที่พวกเราทั้งหลายกำลังทำกันอยู่ในขณะนี้ อย่าได้ละปัจจุบัน หากให้ละอดีตและอนาคต อย่าละปัจจุบัน คำว่าปัจจุบันมันอยู่ภายในของการหมุนเวียน ชีวิตอินทรีย์มันจะผกผันไปอย่างไร ก็อย่าทิ้งปัจจุบัน เหมือนกับว่าเราจะหายใจเข้าสั้นหรือยาวประการใด ก็อย่าทิ้งปัจจุบัน ภพชาติที่หมุนเวียนไป จะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม ปัจจุบันจะเป็นแกนกลางอยู่เสมอ การเข้าสู่ภาคปฏิบัติจึงมุ่งสู่การเป็นปัจจุบันให้ชัดเจน…ท่านผู้ฟังทั้งหลาย เมื่อพูดเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าตัวเราเองนี้ เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง จริงๆแล้วคือควรเป็นเช่นนั้น การได้สมบัติคือความเป็นมนุษย์นี้ เป็นสมบัติอันประเสริฐที่สุด แม้นใครต่อใครที่ปรารถนาอยากจะเกิดมาเป็นมนุษย์ มิใช่เรื่องง่ายๆเลย ดังพระพุทธภาษิตที่พระองค์ตรัสแก่พญานาคราช ซึ่งแปลงกายเป็นมาณพน้อยมาฟังธรรมกับพระองค์ พอฟังธรรมจบกลับไม่ได้บรรลุคุณธรรมพิเศษอันใด คงได้แค่ขอถึงไตรสรณคมน์เท่านั้น เพราะภพของท่านเป็นภพที่อาภัพจากมรรคผลนิพพาน พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “กิจฺโจ มนุสฺสปฏิลาโภ  การได้สมบัติคือความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก” เพราะต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายๆอย่างมาประกอบกัน เพื่อให้ความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ เมื่อได้ความเป็นมนุษย์แล้ว จึงถือว่าเป็นศูนย์กลางของภพภูมิ ที่ผู้เป็นมนุษย์นั้นจะเลือกเดิน ก็คือจะไปทางซ้ายหรือทางขวา จะเดินหน้าหรือถอยหลัง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์เอง นั่นหมายถึงว่าจะไปนรก คือภพภูมิที่ต่ำกว่าการเป็นมนุษย์ หรือจะไปสวรรค์คือภพภูมิที่สูงกว่าการเป็นมนุษย์ หรือว่าไม่ต้องการทั้งสองภพภูมินั้น เอาเพียงภพภูมิกลางๆนี้แล้วบำเพ็ญเพียรภาวนามุ่งต่อมรรคผลนิพพาน ความเป็นมนุษย์จึงเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง […]

นักการเมืองดูงานต่างประเทศ ผลาญภาษี ชาวบ้านได้อะไร

เป็นเรื่องปกติที่ผู้มีตำแหน่งในสภาทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องรับตำแหน่ง เป็นคณะกรรมาธิการในสภาที่ตนเองสังกัด ซึ่งก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป ด้วยหน้าที่บางอย่างของคณะกรรมาธิการก็อาจจะต้องไปดูงานในต่างประเทศ เพื่อนำความรู้และเทคโนโลยีมาพัฒนาแผนงานในประเทศเรา เฉกเช่นที่หน่วยงานราชการและองค์กรภาคเอกชนทำกัน หากแต่ภาพที่ออกมาดูแล้วน่าจะเป็นการไปเที่ยวเสียมากกว่า!!! งบดูงานต่างประเทศของคณะกรรมาธิการแต่ละปี หลายสิบล้านบาทต่อคณะ แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นรูปธรรมเสียเอาเลย  ผิดกับหน่วยงานราชการยังพอเห็น นำความรู้กลับมาพัฒนาเป็นแผนงาน นโยบาย และโครงการต่างๆ ในภาครัฐ  แม้แต่ก่อเกิดเป็นหน่วยงานใหม่เพื่อรองรับภารกิจเพื่อประชาชน  แต่นักการเมืองไปดูงานแล้วได้อะไร?  อยู่ในตำแหน่งเพียง 4 ปี ไปดูงานก็เห็นไปจิบไวน์  ช้อปซื้อสินค้า ของแบรนด์เนม บางคนกล้าไปดูงานแต่ไม่กล้าบอกประชาชนในพื้นที่ว่าไปดูงานต่างประเทศ  จะกลัวอะไร! ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดี  หรือจะกลัวกลืนน้ำลายตัวเองเพราะนักการเมืองบางกลุ่มชอบตำหนิฝ่ายตรงข้ามว่าเอาภาษีประชาชน ไปดูงานต่างประเทศอย่างสิ้นเปลือง แต่ฝ่ายตนเองกลับไปดูงานต่างประเทศเองอย่างฉ่ำแบบไม่เห็นหัวประชาชน จะว่าไปการดูงานเพื่อเอามาเสนอกฎหมาย อาจพอฟังได้ แต่มันต้องสิ้นเปลืองภาษีประชาชนหลายสิบล้าน เพียงเพื่อประโยชน์แค่นี้ สู้ให้หน่วยงานรัฐนำเสนอโครงการแทน จะดีกว่าไหม? และที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่ง คือ การแต่งตั้งบุคคลในครอบครัวให้มีตำแหน่งที่รับเงินเดือนในคณะกรรมาธิการ ถ้าแค่แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยประจำตัวก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะตามประเพณีนิยมการให้คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวช่วยเหลืองานส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ผิดกฎหมายอะไร แต่การมีตำแหน่งในคณะกรรมาธิการนั้น โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการสามัญ ที่มักมีสิทธิ์ไปดูงานต่างประเทศบ่อยๆ ลองนึกภาพเด็กมหาวิทยาลัยรับตำแหน่งเป็นกรรมาธิการหรือที่ปรึกษา รับเงินเดือนหรือผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ  คิดว่าพวกเขาเหล่านี้มีความสามารถและประสบการณ์เหมาะสมจริง ๆ หรือ? แล้วยังเอาภาษีประชาชนไปดูงานทั้งครอบครัวอีก  อย่างกับจัดทริปท่องเที่ยวครอบครัวสุขสันต์ก็ไม่ปาน นี่ยังไม่รวมถึงข่าวลือว่ามีการจ่ายเงินเพื่อแลกกับการเสนอแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการหรือที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ จนเป็นภาพที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์หรือ ผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมได้รับตำแหน่งท่ามกลางข้อกังขาของประชาชน ทั้งที่คณะกรรมาธิการ […]

สมุทรสาคร – ป.ป.ช. ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน”ทางเท้าพร้อมท่อระบายน้ำ” ให้ชาวบ้านต.นาดี

วันที่ 8 สิงหาคม 2567 จากกรณีที่หนังสือมติรัฐ ได้นำเสนอเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ลงในเว็บไซต์ข่าวมติรัฐออนไลน์ www.matirathonline.com ที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนปัญหาการสร้างทางเท้าพร้อมท่อระบายน้ำ ณ ถนนเลียบคลองราษฎรสามัคคี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 67 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจึงดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าชื่นชมยิ่ง โดยเข้าตรวจสอบเอกสารและคำชี้แจงจากทางเทศบาลตำบลนาดี ก่อนลงพื้นที่ ณ จุดที่ได้รับการร้องเรียน  จากการตรวจสอบและการชี้แจงของเทศบาล ผู้ร้องเรียนได้รับการแจ้งข้อเท็จจริงว่า คำร้องที่ผู้ร้องแจ้งความประสงค์ห้ามโครงการดังกล่าวบุกรุกที่ดินของตนเองที่ได้ยื่น ณ กองช่าง สำนักงานเทศบาลตำบลนาดี ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นั้นมีอยู่จริงแต่คำร้องดังกล่าวไม่ถูกดำเนินการตามขั้นตอนและส่งต่อไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาตามลำดับ (ผู้พิจารณาคำร้องลำดับแรกคือ”ผู้อำนวยการกองช่าง”) ตรงกับที่ผู้ร้องเรียนได้แจ้งว่านับตั้งแต่ยื่นคำร้องไปก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากเทศบาลฯ แม้โครงการจะสร้างเสร็จแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องบุกรุกที่ดินเอกชน ทางเทศบาลชี้แจงว่าไม่ได้บุกรุกที่ดิน เพราะได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการจึงระงับการก่อสร้างในพื้นที่ ที่มีการร้องเรียนไว้ก่อน ในเรื่องนี้ทางผู้ร้องเรียนได้ตอบโต้ทำนองว่า ”ทางเทศบาลไม่เคยมาชี้แจ้งหรือเรียกไปพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ขนาดคำร้องยังไม่ถูกส่งไปพิจารณาตามลำดับ รักษาการปลัดและนายกฯ ยังไม่รู้เรื่องคำร้องดังกล่าว แล้วจะมาอ้างเหตุว่ามีการร้องเรียนได้อย่างไร เอาหลักฐานอะไรมาใช้พิจารณาแม้แต่คำร้องยังไม่เคยเห็นเลย” ผู้ร้องยังตอบโต้อีกว่า […]

สมุทรสาคร – ชาวนาดีร้องเรียน เทศบาลฯสร้าง”ทางเท้าพร้อมท่อระบายน้ำ” รุกที่เอกชน

เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 7 ,8 ,9 บริเวณถนนเลียบคลองราษฎร์สามัคคี ที่วันดีคืนร้าย เทศบาลตำบลนาดี ก็ผุด ”โครงการขยายไหล่ ค.ส.ล. พร้อมวางท่อระบายน้ำบริเวณถนนเลียบคลองราษฎร์สามัคคี หมู่ที่ 8 ,9 ตำบลนาดี อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร” มาดำเนินการสร้าง เจาะพื้นหน้าบ้านจนพังเละ ชุดเซาะรั้วบ้านจนทรุดพังให้เดือดร้อนกันโดยทั่วหน้า  ชาวบ้านผู้ไดรับผลกระทบให้ข้อมูลว่าเริ่มแรก ก็มีคนงานมาพ่นสีขีดบริเวณหน้าบ้านอย่างไม่มีปีไม่มีขลุ่ย จึงสอบถามได้ความว่าจะมีการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านได้สอบถามไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้คำตอบประมาณว่า ”มีชาวบ้านร้องเรียนว่าน้ำท่วมบ้านจึงขอให้สร้างทางระบายน้ำ” ชาวบ้านต่างพากันตั้งข้อสงสัยเพราะเท่าที่ได้สอบถามกันละแวกบ้านก็ไม่มีใครไปร้องเรียนขอให้สร้าง รวมถึงไม่มีคนของเทศบาลมาสอบถามความต้องการ  ซึ่งปกติเทศบาลจะต้องจัดประชุมประชาคมหมู่บ้านเป็นประจำทุกปี เพื่อทบทวนแผนพัฒนาท้องถิ่นและรับฟังความเห็นของชาวบ้าน (หมายถึงการประชาคมโดยให้ชาวบ้านในหมู่บ้านมาประชุมหารือกัน ไม่ใช่เชิญผู้นำท้องถิ่นไปรับทราบนโยบาย)  หลังสถานการณ์โควิดเบาลง ผู้บริหารเทศบาลชุดปัจจุบันก็ไม่เคยประชาคมหมู่บ้านเลย จนถึงปัจจุบันทั้งที่ท้องถิ่นอื่นเขาก็กลับมาทำกันเป็นปกติ  ชาวบ้านเห็นว่าการสร้างท่อระบายน้ำบริเวณริมถนนนั้นไม่ได้ช่วยอะไร  มีแต่ซ้ำเติมชาวบ้านให้เข้าออกบ้านลำบากขึ้นเท่านั้น ขนาดสร้างเสร็จแล้วยังไม่ทำพื้นบริเวณหน้าบ้าน ของชาวบ้านให้ดีเลย บางบ้านก็เอาปูนหรือยางมะตอยมาเทเป็นทางลาดหน้าบ้านให้  บางบ้านก็มีเพียงหินคลุกมาเทไว้ตามยถากรรม  บางบ้านไม่มีแม้แต่หินคลุกมาเทให้ก็มีให้ปรากฎ  แล้วบางส่วนยังสร้างเพียงแค่ทางเท้า แถมสร้างผ่าโอบเสาไฟฟ้าแทนที่จะอ้อมออกมา แล้วจะให้ใช้เป็นทางเท้าอย่างไร ซ้ำยังสร้างท่อระบายน้ำสูงกว่าถนน ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นถึงกับงงว่าแล้วจะระบายน้ำยังไง  แหล่งข่าวแจ้งว่าที่ทำแบบนั้นเพราะจะเทยางมะตอยยกพื้นถนนให้สูงขึ้น  ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านงงยิ่งกว่าเก่าเพราะปกติถนนเส้นนี้สร้างลาดเอียงไปทางคลองเพื่อระบายน้ำอยู่แล้ว  ดังนั้นท่อระบายน้ำที่สร้างฝั่งตรงข้ามคลองจึงไม่มีผลอะไรในการระบายน้ำ  มีแต่ทำให้ชาวบ้านต้องลำบากเพราะน้ำจะไหลจากถนนเข้าบ้านเป็นการสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ วิธีแก้คือต้องดูดน้ำลงท่อระบายน้ำหรือท่อลอดใต้ถนนลงคลอง ถ้าเป็นแบบนี้สู้สร้างท่อลอดใต้ถนนให้ชาวบ้านตั้งแต่แรกมันก็จบแล้วไม่ใช่หรือ สรุปแล้วสร้างเพื่ออะไรกันแน่ ปกติถนนเส้นนี้แคบอยู่แล้วก็ยิ่งจะแคบลงไปอีก  […]

การทำบุญมี ๑๐ กระบวนท่า

มีโอกาสก็มาร่วมกิจกรรม มาเอาบุญ ที่เรามานิมาเติบบุญ เติมบุญทาน เติบบุญศีล เติมบุญภาวนา บุญมันมีอยู่ทั้งหมด ๑๐ กระบวนท่าการทำบุญมี ๑๐ กระบวนท่า ๑ ให้ทาน เรียกว่า ทานมัย บุญเกิดขึ้นเพราะการให้ ให้วัตถุสิ่งของ ให้ของเครื่องใช้ให้ของอยู่ของกิน ให้ที่อยู่อาศัย ให้ยารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ความรู้ให้ข้อคิด หรือว่าให้สิ่งที่ดี ๆ ถือว่าเป็นบุญทั้งนั้นแหละ หรือเราพูดดี ๆ เดินดี ๆ คนเห็นก็พอใจเลื่อมใส ก็เป็นบุญนะ ถ้าเดินแบบนักเลง แม๊ะ….เห็นแล้วหมั่นไส้ไม่ได้บุญแหละ ถ้าเห็นแล้วดีใจสบายใจเขาเรียกว่าเราเป็นต้นตอทำให้เกิดบุญเขาเรียกว่าให้ความสบาย ความสุขใจ ๒ ศีล รักษากายวาจาไม่ให้ไปล่วงเกินคนอื่น สัตว์อื่นมีศีลเป็นปกติ สมาทานทุกวันศีล ตื่นขึ้นมาเช้า สมาทานศีล แผ่เมตตา วันนี้เราจะไม่เบียดเบียนใคร เราจะไม่ลักขโมยของใคร เราจะไม่นอกใจใคร เราจะไม่พูดคำหยาบคำสอเสียดคำเพ้อเจ้อไม่พูดคำเท็จวันนี้ตั้งใจจะไม่ดื่มสุรายาเสพติด เครื่องดองของเมา จะไม่สูบบุหรี่กัญชา จะไม่เคี้ยวกระท่อม ตั้งใจ พอตั้งใจแล้วทีนี้ก็เป็นศีลขึ้นมา ใบกระท่อมผิดศีลนะอย่าไปเคี้ยวนะ พระไปเคี้ยวไม่ได้นะ อย่าไปเคี้ยวพระ ไปเคี้ยวใบกระท่อมผิดศีลนะถือว่าเป็นของมึนเมาไม่อนุญาติ พระวินัย […]

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ