Category Archives: สืบจากข่าว

สิทธิของผู้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ครอบครองสมบัติจักรแก้ว ๗ ประการเกิดขึ้นอันนี้เรียกว่าเป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิถ้าว่าตามการบริโภคก็เรียกว่า ทายาทบริโภค หรือสามีบริโภค บริโภคอย่างเป็นเจ้าของแท้จริงบริโภคตามลำดับของตระกูลมาจริง ๆที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้าจักรพรรดิ เมื่อสวรรคตแล้ว ๗ วันสิ่งเหล่านั้นจะหายไป สิ่งเหล่านั้นก็คือสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ จะหายไป ถ้าไม่มีทายาท ทายาทคือลูก ลูกคนโต ลูกชายคนโตนิจะเป็นผู้สืบทอดมรดกทีนี้ผู้สืบทอดมรดกนั้นก็ต้องประพฤติจักรวัตติวัตร ก็คือวัตตะ ข้อปฏิบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็คือต้องถือศีล ๕ โดยเคร่งครัดนี้อย่างหนึ่งถือศีลอุโบสถในวันพระ อันนี้อีกอย่างหนึ่ง ขาดไม่ได้ถ้าไม่ถือศีลอุโบสถในวันพระ ไม่ถือศีล ๕ โดยสมบูรณ์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิซึ่งเป็นสมบัติของพ่อ ที่ตกทอดมาถึงรุ่นลูกก็เกิดขึ้นไมไ่ด้เขาเรียกว่า จักรแก้ว ก็เกิดขึ้นไม่ได้ แก้วมณีก็ไม่เกิดขึ้น นางแก้วก็ไม่เกิดขึ้น ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากว่าไม่ถือวัตตะปฏิบัติดั่งที่ผู้เป็นพ่อ ก็คือผู้ที่สืบทอดมรดกมานั้นแหละถ้าไม่ปฏิบัติตามข้อวัตรอันนั้นสมบัติอันนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้สมบัติอันนั้นก็ไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นที่เราได้ฟังจากพระธรรมเทศนานิ พระเจ้าจักรพรรดิ จะเคลื่อนทัพไปที่ไหนก็ตามก็ไม่ได้ไปยึดครอง แต่ว่าไปสอน สอนให้พระราชา มหากษัตริย์ในแคว้นนั้น ๆได้ประพฤติตามธรรม เพราะพระเจ้าจักรพรรดิก็เคารพธรรมเคารพธรรมข้อที่๑ ไม่เบียดเบียน๒ ไม่ลักขโมยปล้นจี้ชกชิงวิ่งราว๓ ไม่ประพฤติผิดในกาม๔ ไม่โกหก๕ ไม่ดื่มสุรายาเสพติดนี้คือธรรม ธรรมที่พระเจ้าจักรพรรดิถือ พอถึงวันพระ พระเจ้าจักรพรรดิก็ถือศีลอุโบสถ […]

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

นับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เมื่อครั้งดำรงพระบรมราชอิสริยยศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระปรอทต่ำ หายพระทัยเร็ว มีพระเสมหะ พระปับผาสะซ้ายอักเสบ มีพระโลหิตเป็นกรด และพบว่ามีน้ำคั่งในช่องเยื่อหุ้มพระปัปผาสะเล็กน้อย คณะแพทย์จึงทำการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะ และใช้สายสวนเข้าหลอดพระโลหิตดำเพื่อฟอกพระโลหิต แต่มีพระความดันพระโลหิตต่ำจึงใช้เครื่องช่วยหายพระทัย พระอาการไม่คงที่ ก่อนที่พระอาการจะทรุดลงไปอีก มีการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต จนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระอาการประชวรได้ทรุดหนักลงตามลำดับ และสวรรคตเมื่อเวลา 15.52 น. รวมพระชนมายุ 88 พรรษา ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี 4 เดือน 4 วัน วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเคลื่อนพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปยังพระบรมมหาราชวัง มีพระราชพิธีถวายสรงน้ำพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา มีการเชิญพระบรมศพลงสู่พระหีบ ประดิษฐานหลังพระแท่นแว่นฟ้าทอง ประกอบพระโกศทองใหญ่ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง รัฐบาลประกาศให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา 30 วัน และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 14 […]

การเผยแพร่ข้อมูลและภาพข่าวในช่วงโศกนาฏกรรม

ไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายบุกคร่าชีวิตเด็กและผู้คนเกือบ 50 ชีวิต ที่จังหวัดหนองบัวลำภู  เป็นเรื่องที่น่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง  ไม่ว่าจะเป็นใครย่อมรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวแม้แต่ผู้เขียนเอง  ที่ได้ติดตามข่าวความน่าสลดใจดังกล่าวตลอดหลายวันที่ผ่านมา  แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าเสียใจไม่แพ้กันคือ “การเผยแพร่ข้อมูลโดยขาดความรับผิดชอบ”      ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุใหม่ๆ  ผู้เขียนได้รับข้อมูลเหตุการณ์หลังเกิดเหตุประมาณ 40 นาที  ซึ่งเป็นโพสต์ข้อความทั่วไปในเฟสบุ๊ก แต่คอมเมนต์ของโพสต์ดังกล่าวได้มีผู้คนมาคอมเมนต์”ภาพผู้เสียชีวิตโดยไม่มีการปกปิดใด ๆ” ขอย้ำว่าไม่มีการปกปิดใด ๆ จากนั้นก็เริ่มมีการนำรูปดังกล่าวไปเผยแพร่ในช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย  จนเกิดกระแสให้งดการเผยแพร่ภาพดังกล่าว  ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรงดกระทำจริง ๆ ลองนึกภาพด้วยความคิดของตนเองดูสิครับ  หากในภาพดังกล่าวเป็นคนที่เรารัก  แล้วเราเห็นรูปเขาในสภาพที่ไม่ดีปรากฏในที่พื้นที่โซเชียลซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันก็ไม่ต่างจากการที่ถูกคนอื่นเอารูปดังกล่าวติดในพื้นที่สาธารณะรอบตัวเราให้เราได้เห็นทุกเวลา มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตาม      ที่กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นกรณีของบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่รู้อะไร หากตักเตือนกันแล้วไม่กระทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ดี  แต่ที่เป็นปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ “การปฏิบัติงานของสื่อมวลชน” ที่สื่อมวลชนบางสำนักรักษาความเสมอต้นเสมอปลายในการหาข่าวโดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรม  ทั้งที่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้  ครั้งที่ผ่าน ๆมาก็เคยทำมาแล้ว  และครั้งนี้ก็ยังทำเหมือนเช่นเคย  มีทั้งการไปสัมภาษณ์ญาติผู้เสียชีวิตหรือพ่อแม่ที่เสียลูกในเหตุการณ์หรือผู้ที่รอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ว่ารู้สึกอย่างไรกับการสูญเสีย  ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะทำในช่วงเวลาที่โศกเศร้าเช่นนี้  สื่อมวลชนบางช่องก็ทำวิดีโอจำลองเหตุการณ์การคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ประชาชนดูในช่วงเวลาที่สลดหดหู่อีก      แม้ที่ผ่านมากสื่อมวลชนมักจะบอกสังคมอยู่เสมอว่า พวกเราดูแลกันเองได้ แต่เท่าที่สังคมได้รับรู้ก็มีเพียงแถลงการณ์ขอโทษที่มันไม่ได้ช่วยอะไรกับรอรับบทลงโทษจากกสทช.ที่ไม่ได้กระทบกับรายได้ของสถานีเท่าไหร่นัก  อีกนานแค่ไหนที่ปัญหาพวกนี้จะได้รับการแก้ไขเสียที      สุดท้าย ขอฝากวิธีการดูแลจิตใจเมื่อทราบข่าวหรือเห็นความรุนแรงจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์  เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีแนวทางดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้แข็งแรงสดใสอยู่เสมอ จัตุราคม

ขนมดอกโสนกับคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ต้นโสน เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ตามพืชที่แหล่งน้ำ มีคุณสมบัติในการตรึงธาตุไนโตรเจนลงดินจากแบคทีเรียไรโซเบียมที่อยู่ในปมราก ซึ่งไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชที่ช่วยให้พืชมีใบเขียว แตกยอดดี และต้นสูง โดยปกติธาตุนี้จะอยู่ในอากาศเป็นก๊าซชนิดหนึ่ง ซึ่งพืชไม่อาจนำมาใช้ได้ จึงต้องผ่านกระบวนการตรีงลงสู่ดินด้วยแบคทีเรียเสียก่อนหรือถูกทำเป็นรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้เลย เช่น ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะเป็นรูปแบบไอออนที่พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการบำรุงดินแล้ว ในวัฒนธรรมการกินของไทยเรา ต้นโสนนั้นจะมีหนอนด้วงชนิดหนึ่งที่อาศัยในต้นโสน แล้วคนสมัยก่อนจะนำหนอนเหล่านั้นมาให้ดูดน้ำกะทิแล้วนำไปทำเป็นอาหาร ซึ่งจะมีรสชาติมันอร่อย นอกจากอาหารคาวแล้วยังมีอาหารหวาน  โดยนำดอกโสนมาทำเป็นขนมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า”ขนมดอกโสน” ด้วยการนำดอกโสนมาคลุกกับแป้งข้าวจ้าวและมะพร้าวขูด จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก เมื่อสุกแล้วหากจะกินก็นำมาคลุกกับมะพร้าวขูดและน้ำตาล ส่วนอีกตำรับหนึ่ง จะนำดอกโสน น้ำตาลปี๊บและแป้งข้าวจ้าวผสมน้ำ กวนในกระทะจนเหนียวหวาน เมื่อจะกินก็จะปั้นลูกกลม ๆ แล้วคลุกด้วยมะพร้าวขูด       แต่อาหารทั้งสองอย่างนี้กลายเป็นสิ่งที่หากินได้ยากในปัจจุบัน เรื่องด้วยการที่ต้นโสนเป็นพืชที่ขึ้นตามแหล่งน้ำ  แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นแหล่งที่ขึ้นของต้นโสนก็ถูกนำไปพัฒนาเป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ เพื่อความเจริญและความมั่งคั่งทางการเงินของผู้คนในสังคม แม้แต่แม่น้ำลำคลองที่สมัยก่อนเป็นเส้นทางในการสัญจร แหล่งน้ำดำรงชีพ พื้นที่หาสัตว์น้ำเพื่อดำรงชีพ และเป็นหนึ่งในแหล่งอาศัยของต้นโสนด้วยเช่นกัน ก็กลายเป็นที่ทิ้งน้ำเสียของทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือนต่างๆ ทำให้น้ำในแม่น้ำลำคลองเน่าเสีย สัตว์น้ำพืชน้ำล้มตาย หากรอดตายก็ไม่อาจนำมาบริโภคได้เพราะมีกลิ่นและรสชาติที่แย่ ซึ่งรวมถึงดอกโสนที่จะนำมาทำขนมด้วย  หากไม่ได้เป็นดอกโสนที่ขึ้นในพื้นที่ที่สะอาด ก็จะไม่มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และทำให้มีกลิ่นเหม็นเขียว แม้จะไม่ได้ขึ้นในแหล่งน้ำเน่าเสียแต่อยู่ในพื้นที่ที่อากาศเป็นมลพิษจากเชม่าควันหรือสารเคมีต่าง ๆ ก็จะทำให้มีกลิ่นเหม็นเขียวเช่นกัน จะเห็นได้ว่าหากสิ่งแวดล้อมแย่ลง น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ ย่อมส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นสิ่งที่สร้างวัฒนธรรมการกินของผู้คนในสังคม หากเรายังไม่ใส่ใจกันอยู่เช่นนี้ […]

เรื่องไม่ลับฉบับนักวิจัย

กระทิง (𝘉𝘰𝘴 𝘨𝘢𝘶𝘳𝘶𝘴) เป็นสัตว์กีบขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทั้งด้านการรักษาระบบนิเวศในพื้นที่และด้านการเป็นชนิดเหยื่อที่สำคัญของสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ (Karanth and Sunquist, 1995; Roininen et al., 2007; Sankar et al., 2013) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 สถานภาพกระทิงทั่วโลกมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Vulnerable) โดยมีจำนวนประชากรทั่วโลกประมาณ 13,000–30,000 ตัว และประชากรของกระทิงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย (Duckworth et al., 2016) ประเทศไทยในอดีตเคยพบกระทิงได้ทั่วไปในทั่วทุกภูมิภาค แต่ปัจจุบันพบอาศัยอยู่ในเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 59 แห่ง โดยกลุ่มป่าที่มีความเหมาะสมต่อการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกระทิงประกอบไปด้วย ● กลุ่มป่าตะวันตก ● กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ● กลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก ● กลุ่มป่าแก่งกระจาน ● กลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว และ ● กลุ่มป่าตะวันออก (Prayoon et al., 2021)  ถึงแม้ว่าสถานภาพประชากรกระทิงมีแนวโน้มฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ แต่ประชากรของกระทิงในประเทศไทยยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายแห่งมีจำนวนประชากรกระทิงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า […]

ความไม่เข้าใจ แต่แสร้งว่าเข้าใจ

ในสังคมมนุษย์ การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดำรงชีวิต เนื่องด้วยในปัจจุบันชีวิตมนุษย์ทุกคนย่อมผูกติดกับเทคโนโลยีและข้อมูลมหาศาลไม่มากก็น้อย แม้จะมีผู้ที่แสดงตนว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือต่อต้านมัน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง เพราะมันคือวิถีชีวิตปกติของมนุษย์ในปัจจุบันด้วยความที่เทคโนโลยีนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ผู้คนต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้มันเพื่อให้สามารถใช้งานได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนนั้นจะสามารถเข้าใจในเทคโนโลยีไปเสียหมดทุกอย่าง ย่อมต้องมีสิ่งที่ไม่รู้เป็นปกติธรรมดา โดยปกติแล้วจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจ แต่ด้วยความที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาชั้นสูง จึงทำให้เกิด ”ทิฐิ” ขึ้นมา เพื่อที่จะหลีกหนีความลำบากและความไม่เข้าใจทั้งปวงโดยอ้างเหตุผลนานาในการไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงมีหลาย ๆคนที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยีแต่แสร้งว่าเข้าใจ เมื่อมีคนจับผิดได้ก็จะหาเหตุผลข้ออ้างต่าง ๆมากลบเกลื่อนมันไปเสีย ทั้งที่ควรจะแก้ไขมันด้วยการเรียนรู้ ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวที่ผู้คนยอมที่จะมีทิฐิในการแสร้งว่าเข้าใจมันทั้งที่ไม่ได้เข้าใจมันเสียเลย คือ อุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งในปัจจุบันผู้คนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สมาทานตนว่าเป็น ”คนรุ่นใหม่” หรือกลุ่มคนที่ถูกด่าทอจากคนอีกกลุ่มและไล่ให้เป็น ”คนรุ่นเก่า” ก็ย่อมมีบุคคลประเภทนี้อยู่เป็นจำนวนมาก เพราะแท้จริงการจะเข้าใจอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นย่อมต้องใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปรัชญา รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา และอื่น ๆอีกมากมายหลายศาสตร์ แล้วทำการวิเคราะห์กลั่นกรององค์ความรู้เหล่านั้นให้ตกผลึกเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ เป็นแก่นที่ผนวกทั้งความรู้และความเชื่อเข้าด้วยกัน จึงจะสามารถยึดเป็นอุดมการณ์ได้ แต่ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่อ่านข้อมูลเพียงผิวเผิน แต่ข้อมูลเหล่านั้นเป็นที่ถูกใจประทับใจเป็นอย่างยิ่ง จึงสมาทานยกย่องมันขึ้นเป็นอุดมการณ์และเชิดชูมันอย่างไม่ลืมหูลืมตา นี่หรือเรียกว่า ”เข้าใจในอุดมการณ์” ซึ่งรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าไม่ได้เข้าใจ แต่มันถูกใจ แต่จะบอกให้คนทั่วไปรับรู้ว่า ”ตัวข้าไม่รู้อะไรเลย แค่ชอบ แค่ฟินกับคำพูดข้อเขียนเหล่านั้น” ก็คงไม่ได้ […]

จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

วันที่ 29 มิถุนายน “วันบริพัตร” จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

รัสเซีย ปาดเหงื่อนับเงินรายได้ไม่ทัน ส่วนอังกฤษ ติดลบ แต่ยูเครน ใกล้ชนะเสียดินแดน

รัสเซีย ปาดเหงื่อนับเงินรายได้ไม่ทัน ส่วนอังกฤษ ติดลบ แต่ยูเครน ใกล้ชนะเสียดินแดนในช่วงที่ฝ่ายระเบียบโลกใหม่ รัสเซียปฏิบัติการทางทหารในยูเครน นั้นฝ่ายระเบียบโลกเก่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชบายในการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์

นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2563 ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนทุกข์ยากแก่ประชาชนคนไทยทั่วทุกแห่งหน

“พรรณไม้พระราชทานนาม ความงดงามของดอกไม้ประจำถิ่น”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสนพระราชหฤทัยและพระราชทานการสนับสนุนส่งเสริมงานด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด

error: ห้าม Copy เนื้อหาและรูปภาพ By มติรัฐ